Band Story - εpsilonΦ บทที่ 6 AAside official website: https://aaside.bushimo.jp
**เนื้อเรื่องส่วนวงดนตรี หลังเกมปิดตัวจะไม่มีเสียงพากย์
บทแปลทั้งหมดเป็นการแปลส่วนตัวเท่านั้นค่ะ
เราเลือกแปลภาษาถิ่นของตัวละครเป็นภาษากลางทั้งหมดนะคะ
เราไม่คุ้นกับภาษาถิ่นมากๆ ถ้าแปลพลาดตรงไหนสามารถบอกได้เลยค่ะ
------
Band Story
εpsilonΦ บทที่ 6 (ครอบคลุมถึงตอน 5)
ไทม์ไลน์: ระหว่าง เมนสตอรี่บท 6
*สามารถอ่านเมนสตอรี่บท 6 เพื่อเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์มากขึ้น
ตอนที่ 1 - สับสนอลม่าน
[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]
ฮารุกะ: หา? หมายความว่าไง?
เรย์จิ: ตามที่กล่าวตามนั้นล่ะ εpsilonΦ จะไม่เข้าร่วมการแสดง
นี่คือคำตัดสินอย่างเป็นทางการของฝ่ายบริหาร
ฮารุกะ: คำตัดสินอย่างเป็นทางการ…? นายอธิบายให้ชัดเจนซะสิ
เรย์จิ: ……….
ฮารุกะ: เฮ้ย!
คานาตะ: ....พี่ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลยนี่?
มันเป็นเรื่องที่ตัดสินไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้รึเปล่า
ฮารุกะ: แต่ฉันยอมรับไม่ได้!
มาจนถึงจุดนี้แล้วบอกให้เลิกแสดงงั้นเรอะ? แล้วยังเป็นการตัดสินฝั่งเดียวจากฝั่งบริหารอีก?
ใครมันจะไปยอมรับกับเรื่องแบบนั้นได้วะ!
เรย์จิ: ฮารุกะ ขอโทษด้วย…….
ฮารุกะ: ถึงนายพูดขอโทษไป… เวรเอ๊ย!
(เสียงปิดประตูดัง)
คานาตะ: อ๋า ไปซะแล้ว
รุ่นพี่คาราสึมะจะทำยังไงต่อหรอ?
สภาพพี่อย่างนั้น น่าจะคงเซไปอีกสักพักนะ
เรย์จิ: คานาตะ
คานาตะ: หืม? ไรหรอ?
เรย์จิ: ไปตระเตรียมข้าวของซะ
เราจะกลับเกียวโตโดยทันที
คานาตะ: เกียวโต? … เรื่องที่พูดเมื่อกี้
ไม่ใช่ว่าเรา “ไม่ขึ้นแสดงในงานเฟสครั้งถัดไป” หรอกหรอ?
เรย์จิ: ……….
คานาตะ: หืม…… แบบนี้เอง
เรย์จิ: ……ฉันตั้งใจจะดูท่าทีของฮารุกะก่อนค่อยบอก
คานาตะ: ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก รุ่นพี่คาราสึมะ
เรย์จิ: นายจะไปไหน?
คานาตะ: ไปหาพี่น่ะ ฉันว่าจะไปบอกกับพี่เองดีกว่า
เรย์จิ: แต่ว่า…
คานาตะ: สบายๆ น่า
… ต้องให้พี่ รีบตื่นจากความฝันบ้างสักทีด้วยน่ะสิ
เรย์จิ: …เฮ้อ
(...เพิ่งเห็นชูที่มีสภาพนั้นครั้งแรกเลย)
[ ย้อนความ (เมนสตอรี่บท 6) ]
ชู: เท่านี้ก็จบ...แล้วล่ะ
ถึงผมจะกลั่นแกล้งมากแค่ไหน เฟสก็ไม่ถูกยุติ
เจ้าคนในวงดนตรีพวกนั้นก็ไม่วิตกกันสักนิด
ไม่ว่าผมจะทำอะไรไป กระเสือกกระสนยังไง…
มันก็ไม่มีผลอะไรเสียเลยมาตั้งแต่แรกแล้ว
[ ปัจจุบัน ]
เรย์จิ: (ภายหลังจากงดเข้าร่วมการแสดง ไม่นานเอปซิก็คงจะยุติกิจกรรมวงไปด้วย)
(.... การล้างแค้นของฉัน จะไม่อาจสมหวังได้อย่างง่ายๆ อย่างนี้เลยเรอะ?)
(.... ปล่อยไว้แบบนี้จะดีแล้วรึ?)
(ไม่มีทาง...! แต่…)
(ไม่มีสิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้ เลย…)
เรย์จิ: ………. โธ่เว้ย
(ตัดฉาก)
คานาตะ: พี่-- เปิดประตูให้หน่อยซี่---
ฮารุกะ: ……...
คานาตะ: (อ๋า…. งอนซะแล้วสิ)
คานาตะ: อ๊ะ จริงสิ เดี๋ยวฉันจะแวะร้านสะดวกซื้อสักหน่อย
อยากให้ซื้ออะไรมั้ย?
ให้ฉันซื้อไอติมมาฝาก เพื่อพี่ที่นั่งหงอยอยู่ดีป่าว?
ปั๊ง!
คานาตะ: (......ให้ตายสิ)
คานาตะ: …. พี่เริ่มเตรียมตัวเพื่อกลับเกียวโตจะดีกว่านะ
ดูเหมือนว่าเราจะไม่น่าออกงานเฟสได้แล้วล่ะ
พอห้ามขึ้นแสดง ต่อไปก็ยุบวงไม่ใช่หรอ?
ก็นะ ขั้นตอนแบบนี้จะอธิบายให้ผู้ชมง่ายกว่าด้วย
ฮารุกะ: !!
(ตัดฉาก)
ฮารุกะ: (แสดงเฟสไม่ได้แล้ว…? ยุบวง…?)
(ฉัน… ชีวิตฉันจะโดนปั่นป่วนไปถึงไหน?
ทำไมถึงเล่นดนตรีอย่างคนปกติเขาไม่ได้!)
ฮารุกะ: เวรเอ๊ย ……..
(ตัดฉาก)
กิ๊งก่อง
ฮารุกะ: …..
กิ๊งก่อง
ฮารุกะ: ……… ไม่มีใครอยู่เลยรึไง?
…… ให้ตายเหอะ ใครมันมาในเวลานี้กัน
(เสียงเปิด)
เร็น: อะ ฮารุกะคุง…
ฮารุกะ: …..นานะโฮชิ!? มีธุระอะไร
-------------
ตอนที่ 2 - ใจจริงแสนโสมม
[ ย้อนความ (สตอรี่วง Argonavis 6-4) ]
เร็น: ผมกำลังถามความรู้สึกของฮารุกะคุง
นายไม่อยากแสดงเฟสหรอ?
ไม่อยากต่อสู้กับวงดนตรีวงอื่นเลยหรอ!?
พูดมาสิ!! ฮารุกะคุงอยากทำอะไรกันแน่!
ส่วนตัวผม.... อยากให้เอปซิได้ขึ้นแสดง
เพื่อความเอาแต่ใจของตัวผมเอง
[ ปัจจุบัน ]
ฮารุกะ: (อะไรของหมอนั่นกัน… ทำไมถึงไม่ยอมแพ้สักที)
(ทำไมถึงอยู่อย่างซื่อตรงได้ขนาดนั้น)
ฮารุกะ: …. ต้องอยากขึ้นแสดงอยู่แล้ว น่ะสิ
ฮารุกะ: (ใช่ นั่นสินะ)
(นั่นคือ ความรู้สึกที่แท้จริงของฉันที่นานะโฮชิเป็นคนดึงออกมาให้…)
คานาตะ: พี่? มายืนทื่ออยู่ตรงนี้ เป็นอะไรไปอะ?
ฮารุกะ: !!
คานาตะ: ตะกี้ เห็นคนที่เหมือนเร็นเปี้ยววิ่งผ่านด้วย เขามีธุระอะไรหรอ?
ฮารุกะ: .... ยังไงก็ช่าง
คานาตะ: …. เอาเถอะ ว่างั้นก็ได้
ฉันซื้อไอติมมาแล้ว กินด้วยกันมั้ย?
ละค่อยมาจัดแจงข้าวของกันนะ
เดี๋ยวฉันจะช่วยให้พี่ด้วย
ฮารุกะ: ไม่จำเป็น ฉันจะไม่กลับเกียวโต
คานาตะ: เอ๊ะ?
ฮารุกะ: ฉันยังไม่ยอมแพ้
คานาตะ: …… พี่ไม่ได้ฟังเรื่องเมื่อกี้เลยหรอ?
εpsilonΦ หลังสั่งห้ามขึ้นแสดงก็จะยุบวง
พวกเราออกงานเฟสไม่ได้แล้วนะ
ฮารุกะ: ไม่เกี่ยว ฉันจะออกงานเฟสและเล่นดนตรี
(สึบากิ บอกให้ฉัน “สนุกกับดนตรี”
ส่วนนานะโฮชิ ช่วยดึงความรู้สึกในใจจริงของฉันออกมา)
ฮารุกะ: ไอ้คนที่คิดว่าวงหรือดนตรีจะยังไงก็ได้อย่างแก คงไม่เข้าใจหรอก
ฉันอยากจะต่อสู้กับพวกนั้นในเฟส
ต่อสู้ และเอาชนะ
คานาตะ: …….หรือว่าเร็นเปี้ยวพูดอะไรกับพี่มางั้นหรอ?
ฮารุกะ: แล้วมันยังไง
คานาตะ: พี่เนี่ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนะ
คนที่ได้รับอิทธิพลง่าย จำพวกนั้น
ไม่เข้าใจเรื่องของตัวเองและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว
ฮารุกะ: แกว่าไงนะ?
คานาตะ: อยากต่อสู้และเอาชนะในเฟส?
พี่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพออย่างนั้นหรอ?
…… พี่เองก็รู้ดีนี่ว่าที่ผ่านมาชูคุงหรือรุ่นพี่คาราสึมะทำอะไรลงไป
เอปซิไปทำอะไรกับเจ้าพวกที่เล่นดนตรีอย่างตรงไปตรงมา ลืมไปแล้วหรอ?
ฮารุกะ: นั่น…..
คานาตะ: เราทำเรื่องน่าชิงชังให้กับทั้งฟูไรและอาร์โก
แต่พี่กลับมองเฉยโดยไม่ห้ามเลยใช่มั้ยล่ะ?
แล้วยังจะคิดว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ หรอ?
พี่ก็มาพูดว่าอยากขึ้นแสดงบนเวที อยากเอาชนะ
แต่คนที่คิดอย่างนั้นจริงๆ ปกติก็ต้องเข้ามาห้ามแล้วไม่ใช่หรอ?
ฮารุกะ: ฉันก็ห้ามแล้วไง!
บอกให้เลิกซะ บอกว่าเพี้ยนไปตั้งกี่ครั้งแล้ว!
คานาตะ: ก็แค่ลมปากนี่ เรื่องแค่นั้นไม่ว่าใครก็พูดได้นะ
ฮารุกะ: ถึงอย่างนั้นฉันก็ต่างจากพวกแก….!
คานาตะ: ไม่เห็นต่างกันเลย พวกเราทู้กคนเหมือนกันหมด
พี่ยังไม่เข้าใจหรอกหรอ....
งั้นฉันจะบอกให้พี่เข้าใจอย่างง่ายเลยนะ
ว่าทำไมพี่ถึงเพิกเฉยต่อพวกชูคุงอย่างนั้น
คานาตะ: พี่ก็แค่ ขอให้ตัวเองชนะก็พอแล้ว ไงล่ะ
ไม่ว่าวงดนตรีวงอื่นจะเจ็บปวดยังไง โดนขยี้แค่ไหน
ขอแค่ตัวเองรอด ที่เหลือจะยังไงก็ได้ไงล่ะ
ฮารุกะ: ….. อึก
คานาตะ: พวกที่เล่นดนตรีสกปรก ใช้แต่วิธีไม่เป็นธรรม
อย่ามาคิดว่าตัวเองจะมีสิทธิยืนเคียงข้างคนอื่นเหมือนปกติ
การสั่งห้ามขึ้นแสดงในเฟส เป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
เพราะเอปซิกระทำการขัดขวางเป็นอุปสรรคมาตลอดไงล่ะ
คานาตะ: ฮารุกะที่ไม่ห้ามการกระทำเหล่านั้นก็มีความผิดร่วมเหมือนกัน
ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเฟสหรอก
นายเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดบ้างหรือยัง?
หัดมองความเป็นจริงบ้างสักที
ฮารุกะ: ……….!
คานาตะ: ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำให้พี่เสียใจเลยนะ
แต่ว่า ถ้าไม่มีใครสักคนมาพูดกับพี่ตรงๆ
พี่ก็จะมืดตื้อไปไม่เป็นอยู่แบบนี้ต่อไปนี่
คานาตะ: … จริงสิ งั้นเรามาตั้งวงกันสองคนมั้ย?
ถ้าฮารุกะบอกว่าอยากเล่นดนตรีจริงๆ ละก็ ฉันจะเล่นกับนายให้เองนะ
เนี่ย ก่อนหน้านี้ที่เราเล่นไลฟ์บนถนนด้วยกัน
ก็ครื้นเครงไปได้สวยเลยนี่นา?
คานาตะ: ทุกอย่างต้องไปได้ดีแน่ๆ
ฮารุกะมีฉันอยู่ทั้งคน เพราะงั้นเลิกราทุกอย่างไปเถอะนะ
ทั้งอาร์โก ทั้งฟูไร และเรื่องเฟสด้วย
-------------
ตอนที่ 3 - ไม่อาจเป็นฮีโร่ได้
[ ย้อนความ อดีต (ภาพดำ) ]
ฮารุกะ: ---- ฉันเคยคิดอยากเป็นฮีโร่จริงๆ
อยากเป็นฮีโร่ที่เท่ แข็งแกร่ง ช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน
ทั้งอย่างนั้น ----
คานาตะ: ฉันเองก็อยากเล่นเปียโนกับฮารุกะนะ!
นี่ ฮารุกะ! ได้หรือเปล่า?
ฮารุกะ: (.......พอสักที เลิกเลียนแบบฉันได้แล้ว!)
นิโจ คนแม่: คานาตะเขาสอบเข้าแผนกม.ต้นได้ลำดับท็อป
ส่วนฮารุกะ ลำดับตกลงนะ…
นิโจ คนพ่อ: พ่อก็บอกแล้วไง ฮารุคุง
ถ้ามีโรงเรียนที่อยากเข้า ให้ขอปะป๊ากับหม่าม้าแต่แรกก็หมดเรื่องน่า
นิโจ คนพ่อ: เพราะฮารุคุง ไม่ได้ดีพร้อมทุกด้านแบบคานะคุงนี่นา
ฮารุกะ: ---- ขอแค่คานาตะหายไปซะ
ฉันไม่รู้ว่าคิดอย่างนั้นไปแล้วกี่ครั้งกี่หน
ฮารุกะ: ทุกครั้งที่เห็นคานาตะเลียนแบบไม่ว่าอะไรต่อมิอะไร และก้าวข้ามฉันอย่างง่ายดาย
ทุกครั้งที่ถูกเปรียบเทียบกับคานาตะที่เป็นอย่างนั้น
ฮารุกะ: จิตใจของฉัน เริ่มถอยห่างจากฮีโร่ที่วาดฝัน และบิดเบี้ยวมากไปทุกที
ญาติ: ผู้ที่สืบทอดกิจการ น่าจะเป็นคานาตะคุงแล้วสิ เขาเป็นเลิศรอบด้านเลยนี่นา
ส่วนฮารุกะคุง… ไม่น่า....
ก็แหม ผู้สืบทอด ก็มีทั้งคนที่เหมาะและไม่เหมาะสมอยู่ด้วยนี่ เนอะ?
เพื่อนร่วมชั้น: คานาตะเนี่ย เข้ากันง่ายดีชะมัดเลย--
ต่างจากฮารุกะ อยู่ด้วยแล้วสนุกดีนี่นา
ฮารุกะ: ทั้งการเรียน มนุษยสัมพันธ์ กีฬา ทักษะร่ำเรียนต่างๆ
ฉัน ไม่สามารถเอาชนะคานาตะได้เลยสักอย่าง
ฮารุกะ: ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องทำยังไง?
ต้องทำยังไง ทุกคนถึงจะยอมรับในตัวฉันได้?
ต้องทำยังไง ถึงจะมองมาที่ฉันกัน?
ตัวฉันที่เหลือแค่… ดนตรีเท่านั้นแล้ว
[ ปัจจุบัน ]
ฮารุกะ: (ใช่ ฉันแตกต่างจากหมอนี่
ไม่ใช่ฉันที่ต้องการคำชื่นชมจากผู้อื่น หรือเพราะมีพรสรรค์อะไร)
(แต่ตอนนี้ตัวฉัน เหลือแต่ดนตรีเท่านั้น
เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันยอมรับในตัวเองได้)
(..... เป็นวิธีที่จะชนะคานาตะได้)
ฮารุกะ: ….. ขยะแขยงชะมัด
…. น่ารังเกียจที่สุด
ฮารุกะ: (ฉันต่างจากพวกนานะโฮชิเลยไม่ใช่เรอะ….
ตั้งแต่ความคิด อะไรๆ ก็ตาม…)
(ไม่ว่าจะเรื่องสนุก หรือความชอบ…
ดนตรีของฉัน ไม่ได้สวยงดงามอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว)
(ทั้งที่รู้อย่างนั้น กลับเผลอคิด คาดหวังกับคำพูดของนานะโฮชิ)
ฮารุกะ: อย่างที่นายพูด
ฉันอาจจะไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นแสดงเฟสก็ได้
คานาตะ: ฮารุกะ?
ฮารุกะ: แต่… คิดว่าฉันจะไปใส่ใจกับเรื่องแค่นั้นรึไง
[ ย้อนความ (สตอรี่วง Argonavis 6-4) ]
เร็น: ผมกำลังถามความรู้สึกของฮารุกะคุง
พูดมาสิ!! ฮารุกะคุงอยากทำอะไรกันแน่!
[ ปัจจุบัน ]
ฮารุกะ: …....ป่านนี้แล้ว ฉันไม่สามารถเป็นฮีโร่ขาวสะอาดหมดจดได้หรอก
ต้องงัดสู้กันด้วยดนตรีแสนสกปรก มีแต่อีโก้เต็มไปทั่วอย่างนี้ล่ะ
ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ
เอาชนะ เพื่อให้ฉันยอมรับในตัวเองให้ได้
คานาตะ: …...?
ฮารุกะ: ถอยไปซะ
คานาตะ: จู่ๆ เดือดอะไรขึ้นมาเนี่ย? ใจเย็นลงหน่อยสิ
ฮารุกะ: ……….คานาตะ
คานาตะ: …. อะไร
ฮารุกะ: ฉันจะไปรับชู
คานาตะ: หา?
ฮารุกะ: ไปล่ะ
เสียงเดินออก
คานาตะ: ……….
-------------
ตอนที่ 4 - อดีตของปิศาจ
[ ---เกียวโต บ้านอุจิคาว่า ]
ชู: ………..
----ปะป๊า ตลอดมาไม่เคยคิดจะมองผมเลยสักนิด
[ ย้อนความ ]
ชู: นี่ ปะป๊า!
วันพรุ่งนี้ ผมจะขึ้นงานประกวดเปียโนครั้งแรก
ก็เลย! อยากให้ปะป๊า…
ประธานอุจิคาว่า: เตรียมเอกสารวันนี้ซะ
ฉันอยากจะอ่านถี่ถ้วนก่อนเข้าที่ประชุมวันพรุ่งนี้
ชู: ปะป๊า!
(ตัดฉาก)
ชู: ปะป๊า! พรุ่งนี้ คริสมาดล่ะฮะ!
ผมนะ อยากจะขอปะป๊ากับหม่าม้า....
ประธานอุจิคาว่า: ส่งรายชื่อแขกผู้ร่วมงานมาซะ
พรุ่งนี้เป็นงานปาร์ตี้ที่สำคัญ ระมัดระวังอย่าได้พลาดแม้แต่นิดเดียว
เลขาฯ Duck River: รับทราบครับ
ชู: ปะป๊า คือว่าผม…
ประธานอุจิคาว่า: วันนี้เราจะมุ่งหน้าไปที่โตเกียว
เลขาฯ Duck River: ครับ จะรีบตระเตรียมครับผม
ชู: …..…
[ ปัจจุบัน ]
ชู: (งานปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศ คริสมาสต์ วันเกิด …
ปะป๊ากับหม่าม้า ไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้งเดียว)
(ไม่ว่าจะพยายามเรียนหรือฝึกซ้อมงานศิลป์มากแค่ไหน
จะไข้ขึ้นจนนอนป่วยซม ก็ไม่เคยเหลียวแลเลยสักนิด)
(พวกท่านทั้งสอง ไม่เคยสนใจในตัวผมเลย ถึงอย่างนั้น…)
[ ย้อนความ (เมนสตอรี่ 6) ]
เฟลิกซ์: ไม่ต้องห่วงไป ถ้าเป็นเพลงที่ชูแต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงท่านได้แน่
เอ้า ไปเสียสิ
หลังให้ท่านดูแล้ว ผมขอฟังด้วยคนนะ
ชู: อื้ม เข้าใจละฮะ! งั้น เดี๋ยวผมมานะ!
ชู: (อาจารย์เฟลิกซ์ชมผมด้วย!
ไม่เป็นไร… ปะป๊าต้องชมด้วยแน่ ต้องยินดีกับผมแน่)
(ถ้าแต่งเเพลง… ท่านจะมองผมไหมนะ
จะอยู่ด้วยกันกับปะป๊าหม่าม้าได้หรือเปล่านะ)
(ความรู้สึกของผมที่รักพวกท่านมาก…… จะส่งไปถึงหรือเปล่านะ)
(ตัดฉาก)
ชู: ...เข้าใจแล้วฮะ งั้นเดี๋ยวผม จะเอามาให้ดูใหม่นะ!
ประธานอุจิคาว่า: ถ้าเป็นเพลงที่เธอมั่นใจเท่านั้นก็พอ
ต่อไป ไม่ต้องส่งให้ฉันโดยตรงแล้วส่งเพลงให้กับเลขาฯ ซะ
เสียงปิดประตู
ชู: ……. อาจารย์ คนโกหก
( มาพูดว่า “ท่านพ่อต้องยินดีแน่”
“ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงท่านได้แน่” ….)
(ความรู้สึกของผม ส่งไม่ถึงปะป๊าเลยสักอย่าง)
(..... หรือเพราะว่าเพลงของผมใช้การไม่ได้?
ถ้าพยายามมากกว่านี้ จะส่งไปถึงหรือเปล่า?)
ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: อุจิคาว่าชูคุง?
ชู: คนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้… มีอะไร?
ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: เพลงเมื่อครู่นี้ ยอดเยี่ยมไปเลยนะ!
เธอเป็นคนแต่งขึ้นมาเองหรอ?
ชู: …… ถ้าไม่ใช่ ผมไม่เอาให้ปะป๊าดูหรอก
ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: แบบนี้เองๆ!
ปฏิกิริยาท่านพ่อดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันคิดว่าเธอมีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมเลยนะ!
ว่าไงล่ะ? ถ้าแต่งเพลงต่อไปเสร็จแล้วเอามาให้ฉันดูแทนมั้ย?
อะ ถ้าสะดวกก็ขอยืมโน้ตเพลงนั้นด้วย---
ชู: … อย่ามาแตะ
เสียงวิ่ง
ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: อ๊ะ ชูคุง! รอก่อน!
[ ปัจจุบัน ]
ชู: พอแต่งเพลงมากเข้า พวกที่เข้ามาใกล้
ก็มีแต่เห็บแมลงไร้ค่าที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น
แต่ว่า ผมทำได้เพียงแต่งเพลงต่อไปเท่านั้น
ก็เพราะ สิ่งที่จะทำให้ปะป๊าจะมองมาที่ผม
มีแต่ดนตรีเท่านั้น
ชู: ----สุดท้าย ต่อให้แต่งเพลงที่ใส่ใจลงไปแค่ไหน
คิ้วของปะป๊าก็ไม่กระตุกเลยสักนิดเดียว
ไม่คิดจะมองผมเลยสักนิด
[ ย้อนความ ]
ชู: “ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงได้แน่” …?
(เสียงหัวเราะ) คนโกหก……
โกหก โกหก คนโกหก……!
ชู: (ทั้งถูกพวกผู้ใหญ่แบบปะป๊าเล่นตามอำเภอใจ
และเสียงประจบประแจงของพวกเห็บแมลงมามากพอแล้ว พอกันที)
(ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเล่นงานได้อีกแล้ว
จะไม่ถูกทำให้ปั่นป่วนเหมือนเด็กเล็กๆ อีกต่อไป)
ชู: (เสียงหัวเราะ)
------ ครั้งนี้ ผมจะเป็นฝ่ายหยอกเย้า ตามอำเภอใจกลับบ้างล่ะ*
(*ชูวัยเด็ก จะพูดสำเนียงภาษากลาง ซีนนี้เป็นซีนแรกที่ชูตอนเด็กพูดสำเนียงเกียวโต)
[ ย้อนความ (สตอรี่วง εpsilonΦ 5-5) ]
ทาดาโอมิ: ชูคุง แค่อยากได้รับคำชมจากคุณพ่อเท่านั้นนี่เอง
[ ปัจจุบัน ]
ชู: (ไร้สาระ ไร้สาระทั้งเพ)
(ละเล่นจนแสนสาหัส เหยียบย่ำ และทำลาย…
ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่โลดแล่นตามอำเภอใจแล้ว)
(แต่ในใจผม ยังเป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่อยากได้รับคำชมจากปะป๊าเท่านั้น)
ชู: ……. เพราะงั้นในท้ายสุด ไม่ว่าใคร….ก็ไม่มองมาที่ผมเหมือนเดิม
ฮะฮะ….. อะฮะฮ่าฮะฮ่าฮา…..
ชู: ……….. ไร้สา ระ
โมโมะ: ฟุ้บ
ชู: โมโมะ….. โมโมะ…….
เสียงย่ำเท้าเข้ามา
ชู: …..ใคร?
เสียงเปิดประตูเลื่อน
ฮารุกะ: เฮ้ย ไอ้เด็กเวร
ชู: … ฮารุกะ
-------------
ตอนที่ 5 - ดนตรีแสนโสมม
ชู: .... นายมาทำอะไร
ฮารุกะ: รีบๆ กลับโตเกียวซะ เราจะออกเฟสกัน
ชู: … εpsilonΦ ถูกสั่งห้ามขึ้นแสดงไม่ใช่รึไง
กลับไปก็ไม่มีความหมาย
ฮารุกะ: หนวกหู รีบๆ เตรียมกลับซะ
ชู: ….. นายเป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ฮารุกะ: ทำความเดือดร้อน ดูถูกเหยียดหยามรอบข้างไปทั่วทุกเมื่อเชื่อวัน
ทั้งที่ตั้งใจจะเป็นฝั่งที่เบื่อผู้อื่นและทิ้งไป
แต่ในท้ายสุดกลับเป็นฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งเสียเอง นั่นคือสิ่งที่ εpsilonΦ เป็น
ชู: …….
ฮารุกะ: นั่นคือตัวนายที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือสถานการณ์ที่พวกเราเป็นอยู่ก็จริง
แต่ทันทีที่รู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นพอโดนทิ้ง กลับมางอมืองอเท้าหมกตัวที่เกียวโตเนี่ยนะ
นายมันก็แค่ไอ้เด็กเปรตเท่านั้นสินะ
ชู: นายมันจะไปเข้าใจอะไรตัวผมล่ะ…?
นายมันจะไปเข้าใจความรู้สึกผม…
ความรู้สึกของมนุษย์ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครเลยได้ยังไง!!
ฮารุกะ: ไม่เข้าใจเว้ย ไม่สนด้วย
ชู: ถ้าอย่างนั้น…!!
ฮารุกะ: แต่ฉัน! จำเป็นต้องมีอุจิคาว่าชู
ชู: หา?
ฮารุกะ: ฉันจะใช้ดนตรีเพื่อให้ฉันยอมรับในตัวเอง
เพื่อการนั้น ฉันจำเป็นต้องชนะเฟสให้ได้
ในการชนะ จำเป็นต้องมีเสียงของนาย
จำเป็นต้องมีเสียงเชี่ยๆ ของไอ้พวกนั้นด้วย
ดังนั้น ฉันเลยจะลากนายออกมาไงล่ะ
ชู: .... อะไรเนี่ย …. อยากจะยอมรับในตัวเอง
เลยมาสั่งให้ผมร้องเพลงเรอะ?
นายเริ่มสมองเพี้ยนไปแล้วหรอ?
ฮารุกะ: คนที่เพี้ยนมันนายไม่ใช่เรอะ ตั้งแต่แรกแล้ว
ชู: …… พูดไม่รู้เรื่อง
ฮารุกะ: ทั้งฉันและนาย สุดท้ายก็มีแต่ดนตรี
เป็นหนทางเดียวที่จะยอมรับตัวเองนี่
ชู: ….หา?
ฮารุกะ: จริงๆ นายก็รู้ ว่านั่นเป็นหนทางเดียว
ที่จะพิสูจน์ตัวตนของตัวเองไม่ใช่รึไง?
ชู: ……….อึก
ฮารุกะ: ทิฐิสูง ดูถูกคนเป็นว่าเล่น…
ไอ้สวะที่บิดเบี้ยวไปถึงแก่นทั้งรากทั้งโคน
ฮารุกะ: ยังจะมาบอกว่าจะมีวิธีอื่นยังไง ที่จะขอให้ตัวเองอยู่ในสายตาคนอื่นอีกเรอะ?
จะมาเปลี่ยนใจมาเป็นคนดีประเสริฐอะไรเอาป่านนี้รึไง?
จะให้คิดยังไง ก็เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เรอะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันและนาย เหลือแต่ดนตรีเท่านั้นไงล่ะ
ชู: ……….
……. นายมันก็แค่อยากจะเปลี่ยนท่าทีขึ้นมาเฉยๆ ไม่ใช่รึไง
ฮารุกะ: จะว่ายังไงก็เชิญ
แล้วนายจะทำยังไงล่ะ
ชู: ผม…
ฮารุกะ: ฉันถามว่า อยากจะเป็นไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
ที่ไม่มีอยู่ในสายตาใครแบบนี้ไปตลอดรึไง
ชู: …...อึก
ใครมันจะอยาก เป็นกัน…...
(จบบทที่ 6)