วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

AAside - [Band Story] εpsilonΦ บทที่ 6

Band Story - εpsilonΦ บทที่ 6 AAside official website: https://aaside.bushimo.jp

*ปัจจุบัน เกม AAside ปิดตัวลงไปแล้ว
แต่ยังสามารถอ่านเนื้อเรื่องต้นฉบับได้ที่ช่องทาง YouTube ของโปรเจ็ค from ARGONAVIS

**เนื้อเรื่องส่วนวงดนตรี หลังเกมปิดตัวจะไม่มีเสียงพากย์ 


บทแปลทั้งหมดเป็นการแปลส่วนตัวเท่านั้นค่ะ

เราเลือกแปลภาษาถิ่นของตัวละครเป็นภาษากลางทั้งหมดนะคะ

เราไม่คุ้นกับภาษาถิ่นมากๆ ถ้าแปลพลาดตรงไหนสามารถบอกได้เลยค่ะ


------


Band Story

εpsilonΦ บทที่ 6 (ครอบคลุมถึงตอน 5)

ไทม์ไลน์: ระหว่าง เมนสตอรี่บท 6

*สามารถอ่านเมนสตอรี่บท 6 เพื่อเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์มากขึ้น




ตอนที่ 1 - สับสนอลม่าน



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


ฮารุกะ: หา? หมายความว่าไง?


เรย์จิ: ตามที่กล่าวตามนั้นล่ะ εpsilonΦ จะไม่เข้าร่วมการแสดง

นี่คือคำตัดสินอย่างเป็นทางการของฝ่ายบริหาร


ฮารุกะ: คำตัดสินอย่างเป็นทางการ…? นายอธิบายให้ชัดเจนซะสิ


เรย์จิ: ……….


ฮารุกะ: เฮ้ย!


คานาตะ: ....พี่ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลยนี่?

มันเป็นเรื่องที่ตัดสินไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้รึเปล่า


ฮารุกะ: แต่ฉันยอมรับไม่ได้!

มาจนถึงจุดนี้แล้วบอกให้เลิกแสดงงั้นเรอะ? แล้วยังเป็นการตัดสินฝั่งเดียวจากฝั่งบริหารอีก?

ใครมันจะไปยอมรับกับเรื่องแบบนั้นได้วะ!


เรย์จิ: ฮารุกะ ขอโทษด้วย…….


ฮารุกะ: ถึงนายพูดขอโทษไป… เวรเอ๊ย!


(เสียงปิดประตูดัง)


คานาตะ: อ๋า ไปซะแล้ว

รุ่นพี่คาราสึมะจะทำยังไงต่อหรอ?

สภาพพี่อย่างนั้น น่าจะคงเซไปอีกสักพักนะ


เรย์จิ: คานาตะ


คานาตะ: หืม? ไรหรอ?


เรย์จิ: ไปตระเตรียมข้าวของซะ

เราจะกลับเกียวโตโดยทันที


คานาตะ: เกียวโต? … เรื่องที่พูดเมื่อกี้

ไม่ใช่ว่าเรา “ไม่ขึ้นแสดงในงานเฟสครั้งถัดไป” หรอกหรอ?


เรย์จิ: ……….


คานาตะ: หืม…… แบบนี้เอง


เรย์จิ: ……ฉันตั้งใจจะดูท่าทีของฮารุกะก่อนค่อยบอก


คานาตะ: ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก รุ่นพี่คาราสึมะ


เรย์จิ: นายจะไปไหน?


คานาตะ: ไปหาพี่น่ะ ฉันว่าจะไปบอกกับพี่เองดีกว่า


เรย์จิ: แต่ว่า…


คานาตะ: สบายๆ น่า

… ต้องให้พี่ รีบตื่นจากความฝันบ้างสักทีด้วยน่ะสิ


เรย์จิ: …เฮ้อ

(...เพิ่งเห็นชูที่มีสภาพนั้นครั้งแรกเลย)



[ ย้อนความ (เมนสตอรี่บท 6) ]


ชู: เท่านี้ก็จบ...แล้วล่ะ

ถึงผมจะกลั่นแกล้งมากแค่ไหน เฟสก็ไม่ถูกยุติ

เจ้าคนในวงดนตรีพวกนั้นก็ไม่วิตกกันสักนิด

ไม่ว่าผมจะทำอะไรไป กระเสือกกระสนยังไง…

มันก็ไม่มีผลอะไรเสียเลยมาตั้งแต่แรกแล้ว



[ ปัจจุบัน ]


เรย์จิ: (ภายหลังจากงดเข้าร่วมการแสดง ไม่นานเอปซิก็คงจะยุติกิจกรรมวงไปด้วย)

(.... การล้างแค้นของฉัน จะไม่อาจสมหวังได้อย่างง่ายๆ อย่างนี้เลยเรอะ?)

(.... ปล่อยไว้แบบนี้จะดีแล้วรึ?)

(ไม่มีทาง...! แต่…)

(ไม่มีสิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้ เลย…)


เรย์จิ: ………. โธ่เว้ย



(ตัดฉาก)



คานาตะ: พี่-- เปิดประตูให้หน่อยซี่---


ฮารุกะ: ……...


คานาตะ: (อ๋า…. งอนซะแล้วสิ)


คานาตะ: อ๊ะ จริงสิ เดี๋ยวฉันจะแวะร้านสะดวกซื้อสักหน่อย

อยากให้ซื้ออะไรมั้ย?

ให้ฉันซื้อไอติมมาฝาก เพื่อพี่ที่นั่งหงอยอยู่ดีป่าว?


ปั๊ง!


คานาตะ: (......ให้ตายสิ)


คานาตะ: …. พี่เริ่มเตรียมตัวเพื่อกลับเกียวโตจะดีกว่านะ

ดูเหมือนว่าเราจะไม่น่าออกงานเฟสได้แล้วล่ะ

พอห้ามขึ้นแสดง ต่อไปก็ยุบวงไม่ใช่หรอ?

ก็นะ ขั้นตอนแบบนี้จะอธิบายให้ผู้ชมง่ายกว่าด้วย


ฮารุกะ: !!



(ตัดฉาก)


ฮารุกะ: (แสดงเฟสไม่ได้แล้ว…? ยุบวง…?)

(ฉัน… ชีวิตฉันจะโดนปั่นป่วนไปถึงไหน?

ทำไมถึงเล่นดนตรีอย่างคนปกติเขาไม่ได้!)


ฮารุกะ: เวรเอ๊ย ……..



(ตัดฉาก)


กิ๊งก่อง


ฮารุกะ: …..


กิ๊งก่อง


ฮารุกะ: ……… ไม่มีใครอยู่เลยรึไง?

…… ให้ตายเหอะ ใครมันมาในเวลานี้กัน


(เสียงเปิด)


เร็น: อะ ฮารุกะคุง…


ฮารุกะ: …..นานะโฮชิ!? มีธุระอะไร



-------------


ตอนที่ 2 - ใจจริงแสนโสมม



[ ย้อนความ (สตอรี่วง Argonavis 6-4) ]


เร็น: ผมกำลังถามความรู้สึกของฮารุกะคุง

นายไม่อยากแสดงเฟสหรอ?

ไม่อยากต่อสู้กับวงดนตรีวงอื่นเลยหรอ!?

พูดมาสิ!! ฮารุกะคุงอยากทำอะไรกันแน่!

ส่วนตัวผม.... อยากให้เอปซิได้ขึ้นแสดง

เพื่อความเอาแต่ใจของตัวผมเอง



[ ปัจจุบัน ]



ฮารุกะ: (อะไรของหมอนั่นกัน… ทำไมถึงไม่ยอมแพ้สักที)

(ทำไมถึงอยู่อย่างซื่อตรงได้ขนาดนั้น)


ฮารุกะ: …. ต้องอยากขึ้นแสดงอยู่แล้ว น่ะสิ


ฮารุกะ: (ใช่ นั่นสินะ)

(นั่นคือ ความรู้สึกที่แท้จริงของฉันที่นานะโฮชิเป็นคนดึงออกมาให้…)


คานาตะ: พี่? มายืนทื่ออยู่ตรงนี้ เป็นอะไรไปอะ?


ฮารุกะ: !!


คานาตะ: ตะกี้ เห็นคนที่เหมือนเร็นเปี้ยววิ่งผ่านด้วย เขามีธุระอะไรหรอ?


ฮารุกะ: .... ยังไงก็ช่าง


คานาตะ: …. เอาเถอะ ว่างั้นก็ได้

ฉันซื้อไอติมมาแล้ว กินด้วยกันมั้ย?

ละค่อยมาจัดแจงข้าวของกันนะ

เดี๋ยวฉันจะช่วยให้พี่ด้วย


ฮารุกะ: ไม่จำเป็น ฉันจะไม่กลับเกียวโต


คานาตะ: เอ๊ะ?


ฮารุกะ: ฉันยังไม่ยอมแพ้


คานาตะ: …… พี่ไม่ได้ฟังเรื่องเมื่อกี้เลยหรอ?

εpsilonΦ หลังสั่งห้ามขึ้นแสดงก็จะยุบวง

พวกเราออกงานเฟสไม่ได้แล้วนะ


ฮารุกะ: ไม่เกี่ยว ฉันจะออกงานเฟสและเล่นดนตรี

(สึบากิ บอกให้ฉัน “สนุกกับดนตรี”

ส่วนนานะโฮชิ ช่วยดึงความรู้สึกในใจจริงของฉันออกมา)


ฮารุกะ: ไอ้คนที่คิดว่าวงหรือดนตรีจะยังไงก็ได้อย่างแก คงไม่เข้าใจหรอก

ฉันอยากจะต่อสู้กับพวกนั้นในเฟส

ต่อสู้ และเอาชนะ


คานาตะ: …….หรือว่าเร็นเปี้ยวพูดอะไรกับพี่มางั้นหรอ?


ฮารุกะ: แล้วมันยังไง


คานาตะ: พี่เนี่ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนะ

คนที่ได้รับอิทธิพลง่าย จำพวกนั้น

ไม่เข้าใจเรื่องของตัวเองและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว


ฮารุกะ: แกว่าไงนะ?


คานาตะ: อยากต่อสู้และเอาชนะในเฟส?

พี่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพออย่างนั้นหรอ?

…… พี่เองก็รู้ดีนี่ว่าที่ผ่านมาชูคุงหรือรุ่นพี่คาราสึมะทำอะไรลงไป

เอปซิไปทำอะไรกับเจ้าพวกที่เล่นดนตรีอย่างตรงไปตรงมา ลืมไปแล้วหรอ?


ฮารุกะ: นั่น…..


คานาตะ: เราทำเรื่องน่าชิงชังให้กับทั้งฟูไรและอาร์โก

แต่พี่กลับมองเฉยโดยไม่ห้ามเลยใช่มั้ยล่ะ?

แล้วยังจะคิดว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ หรอ?

พี่ก็มาพูดว่าอยากขึ้นแสดงบนเวที อยากเอาชนะ

แต่คนที่คิดอย่างนั้นจริงๆ ปกติก็ต้องเข้ามาห้ามแล้วไม่ใช่หรอ?


ฮารุกะ: ฉันก็ห้ามแล้วไง!

บอกให้เลิกซะ บอกว่าเพี้ยนไปตั้งกี่ครั้งแล้ว!


คานาตะ: ก็แค่ลมปากนี่ เรื่องแค่นั้นไม่ว่าใครก็พูดได้นะ


ฮารุกะ: ถึงอย่างนั้นฉันก็ต่างจากพวกแก….!


คานาตะ: ไม่เห็นต่างกันเลย พวกเราทู้กคนเหมือนกันหมด

พี่ยังไม่เข้าใจหรอกหรอ....

งั้นฉันจะบอกให้พี่เข้าใจอย่างง่ายเลยนะ

ว่าทำไมพี่ถึงเพิกเฉยต่อพวกชูคุงอย่างนั้น


คานาตะ: พี่ก็แค่ ขอให้ตัวเองชนะก็พอแล้ว ไงล่ะ

ไม่ว่าวงดนตรีวงอื่นจะเจ็บปวดยังไง โดนขยี้แค่ไหน

ขอแค่ตัวเองรอด ที่เหลือจะยังไงก็ได้ไงล่ะ


ฮารุกะ: ….. อึก


คานาตะ: พวกที่เล่นดนตรีสกปรก ใช้แต่วิธีไม่เป็นธรรม

อย่ามาคิดว่าตัวเองจะมีสิทธิยืนเคียงข้างคนอื่นเหมือนปกติ

การสั่งห้ามขึ้นแสดงในเฟส เป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

เพราะเอปซิกระทำการขัดขวางเป็นอุปสรรคมาตลอดไงล่ะ


คานาตะ: ฮารุกะที่ไม่ห้ามการกระทำเหล่านั้นก็มีความผิดร่วมเหมือนกัน

ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเฟสหรอก

นายเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดบ้างหรือยัง?

หัดมองความเป็นจริงบ้างสักที


ฮารุกะ: ……….!


คานาตะ: ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำให้พี่เสียใจเลยนะ

แต่ว่า ถ้าไม่มีใครสักคนมาพูดกับพี่ตรงๆ

พี่ก็จะมืดตื้อไปไม่เป็นอยู่แบบนี้ต่อไปนี่


คานาตะ: … จริงสิ งั้นเรามาตั้งวงกันสองคนมั้ย?

ถ้าฮารุกะบอกว่าอยากเล่นดนตรีจริงๆ ละก็ ฉันจะเล่นกับนายให้เองนะ

เนี่ย ก่อนหน้านี้ที่เราเล่นไลฟ์บนถนนด้วยกัน

ก็ครื้นเครงไปได้สวยเลยนี่นา?


คานาตะ: ทุกอย่างต้องไปได้ดีแน่ๆ

ฮารุกะมีฉันอยู่ทั้งคน เพราะงั้นเลิกราทุกอย่างไปเถอะนะ

ทั้งอาร์โก ทั้งฟูไร และเรื่องเฟสด้วย



-------------


ตอนที่ 3 - ไม่อาจเป็นฮีโร่ได้



[ ย้อนความ อดีต (ภาพดำ) ]


ฮารุกะ: ---- ฉันเคยคิดอยากเป็นฮีโร่จริงๆ

อยากเป็นฮีโร่ที่เท่ แข็งแกร่ง ช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน

ทั้งอย่างนั้น ----


คานาตะ: ฉันเองก็อยากเล่นเปียโนกับฮารุกะนะ!

นี่ ฮารุกะ! ได้หรือเปล่า?


ฮารุกะ: (.......พอสักที เลิกเลียนแบบฉันได้แล้ว!)


นิโจ คนแม่: คานาตะเขาสอบเข้าแผนกม.ต้นได้ลำดับท็อป

ส่วนฮารุกะ ลำดับตกลงนะ…


นิโจ คนพ่อ: พ่อก็บอกแล้วไง ฮารุคุง

ถ้ามีโรงเรียนที่อยากเข้า ให้ขอปะป๊ากับหม่าม้าแต่แรกก็หมดเรื่องน่า


นิโจ คนพ่อ: เพราะฮารุคุง ไม่ได้ดีพร้อมทุกด้านแบบคานะคุงนี่นา


ฮารุกะ: ---- ขอแค่คานาตะหายไปซะ

ฉันไม่รู้ว่าคิดอย่างนั้นไปแล้วกี่ครั้งกี่หน


ฮารุกะ: ทุกครั้งที่เห็นคานาตะเลียนแบบไม่ว่าอะไรต่อมิอะไร และก้าวข้ามฉันอย่างง่ายดาย

ทุกครั้งที่ถูกเปรียบเทียบกับคานาตะที่เป็นอย่างนั้น


ฮารุกะ: จิตใจของฉัน เริ่มถอยห่างจากฮีโร่ที่วาดฝัน และบิดเบี้ยวมากไปทุกที


ญาติ: ผู้ที่สืบทอดกิจการ น่าจะเป็นคานาตะคุงแล้วสิ เขาเป็นเลิศรอบด้านเลยนี่นา

ส่วนฮารุกะคุง… ไม่น่า....

ก็แหม ผู้สืบทอด ก็มีทั้งคนที่เหมาะและไม่เหมาะสมอยู่ด้วยนี่ เนอะ?


เพื่อนร่วมชั้น: คานาตะเนี่ย เข้ากันง่ายดีชะมัดเลย--

ต่างจากฮารุกะ อยู่ด้วยแล้วสนุกดีนี่นา


ฮารุกะ: ทั้งการเรียน มนุษยสัมพันธ์ กีฬา ทักษะร่ำเรียนต่างๆ

ฉัน ไม่สามารถเอาชนะคานาตะได้เลยสักอย่าง


ฮารุกะ: ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องทำยังไง?

ต้องทำยังไง ทุกคนถึงจะยอมรับในตัวฉันได้?

ต้องทำยังไง ถึงจะมองมาที่ฉันกัน?

ตัวฉันที่เหลือแค่… ดนตรีเท่านั้นแล้ว



[ ปัจจุบัน ]


ฮารุกะ: (ใช่ ฉันแตกต่างจากหมอนี่

ไม่ใช่ฉันที่ต้องการคำชื่นชมจากผู้อื่น หรือเพราะมีพรสรรค์อะไร)

(แต่ตอนนี้ตัวฉัน เหลือแต่ดนตรีเท่านั้น

เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันยอมรับในตัวเองได้)

(..... เป็นวิธีที่จะชนะคานาตะได้)


ฮารุกะ: ….. ขยะแขยงชะมัด

…. น่ารังเกียจที่สุด


ฮารุกะ: (ฉันต่างจากพวกนานะโฮชิเลยไม่ใช่เรอะ….

ตั้งแต่ความคิด อะไรๆ ก็ตาม…)

(ไม่ว่าจะเรื่องสนุก หรือความชอบ…

ดนตรีของฉัน ไม่ได้สวยงดงามอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว)

(ทั้งที่รู้อย่างนั้น กลับเผลอคิด คาดหวังกับคำพูดของนานะโฮชิ)


ฮารุกะ: อย่างที่นายพูด

ฉันอาจจะไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นแสดงเฟสก็ได้


คานาตะ: ฮารุกะ?


ฮารุกะ: แต่… คิดว่าฉันจะไปใส่ใจกับเรื่องแค่นั้นรึไง



[ ย้อนความ (สตอรี่วง Argonavis 6-4) ]


เร็น: ผมกำลังถามความรู้สึกของฮารุกะคุง

พูดมาสิ!! ฮารุกะคุงอยากทำอะไรกันแน่!



[ ปัจจุบัน ]


ฮารุกะ: …....ป่านนี้แล้ว ฉันไม่สามารถเป็นฮีโร่ขาวสะอาดหมดจดได้หรอก

ต้องงัดสู้กันด้วยดนตรีแสนสกปรก มีแต่อีโก้เต็มไปทั่วอย่างนี้ล่ะ

ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ

เอาชนะ เพื่อให้ฉันยอมรับในตัวเองให้ได้


คานาตะ: …...?


ฮารุกะ: ถอยไปซะ


คานาตะ: จู่ๆ เดือดอะไรขึ้นมาเนี่ย? ใจเย็นลงหน่อยสิ


ฮารุกะ: ……….คานาตะ


คานาตะ: …. อะไร


ฮารุกะ: ฉันจะไปรับชู


คานาตะ: หา?


ฮารุกะ: ไปล่ะ


เสียงเดินออก


คานาตะ: ……….



-------------


ตอนที่ 4 - อดีตของปิศาจ



[ ---เกียวโต บ้านอุจิคาว่า ]


ชู: ………..

----ปะป๊า ตลอดมาไม่เคยคิดจะมองผมเลยสักนิด



[ ย้อนความ ]


ชู: นี่ ปะป๊า!

วันพรุ่งนี้ ผมจะขึ้นงานประกวดเปียโนครั้งแรก

ก็เลย! อยากให้ปะป๊า…


ประธานอุจิคาว่า: เตรียมเอกสารวันนี้ซะ

ฉันอยากจะอ่านถี่ถ้วนก่อนเข้าที่ประชุมวันพรุ่งนี้


ชู: ปะป๊า!


(ตัดฉาก)


ชู: ปะป๊า! พรุ่งนี้ คริสมาดล่ะฮะ!

ผมนะ อยากจะขอปะป๊ากับหม่าม้า....


ประธานอุจิคาว่า: ส่งรายชื่อแขกผู้ร่วมงานมาซะ

พรุ่งนี้เป็นงานปาร์ตี้ที่สำคัญ ระมัดระวังอย่าได้พลาดแม้แต่นิดเดียว


เลขาฯ Duck River: รับทราบครับ


ชู: ปะป๊า คือว่าผม…


ประธานอุจิคาว่า: วันนี้เราจะมุ่งหน้าไปที่โตเกียว


เลขาฯ Duck River: ครับ จะรีบตระเตรียมครับผม


ชู: …..…



[ ปัจจุบัน ]


ชู:  (งานปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศ คริสมาสต์ วันเกิด …

ปะป๊ากับหม่าม้า ไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้งเดียว)

(ไม่ว่าจะพยายามเรียนหรือฝึกซ้อมงานศิลป์มากแค่ไหน

จะไข้ขึ้นจนนอนป่วยซม ก็ไม่เคยเหลียวแลเลยสักนิด)

(พวกท่านทั้งสอง ไม่เคยสนใจในตัวผมเลย ถึงอย่างนั้น…)



[ ย้อนความ (เมนสตอรี่ 6) ]




เฟลิกซ์: ไม่ต้องห่วงไป ถ้าเป็นเพลงที่ชูแต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงท่านได้แน่

เอ้า ไปเสียสิ

หลังให้ท่านดูแล้ว ผมขอฟังด้วยคนนะ


ชู: อื้ม เข้าใจละฮะ! งั้น เดี๋ยวผมมานะ!


ชู: (อาจารย์เฟลิกซ์ชมผมด้วย!

ไม่เป็นไร… ปะป๊าต้องชมด้วยแน่ ต้องยินดีกับผมแน่)

(ถ้าแต่งเเพลง… ท่านจะมองผมไหมนะ

จะอยู่ด้วยกันกับปะป๊าหม่าม้าได้หรือเปล่านะ)

(ความรู้สึกของผมที่รักพวกท่านมาก…… จะส่งไปถึงหรือเปล่านะ)


(ตัดฉาก)


ชู: ...เข้าใจแล้วฮะ งั้นเดี๋ยวผม จะเอามาให้ดูใหม่นะ!


ประธานอุจิคาว่า: ถ้าเป็นเพลงที่เธอมั่นใจเท่านั้นก็พอ

ต่อไป ไม่ต้องส่งให้ฉันโดยตรงแล้วส่งเพลงให้กับเลขาฯ ซะ


เสียงปิดประตู


ชู: ……. อาจารย์ คนโกหก

( มาพูดว่า “ท่านพ่อต้องยินดีแน่”

“ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงท่านได้แน่” ….)

(ความรู้สึกของผม ส่งไม่ถึงปะป๊าเลยสักอย่าง)

(..... หรือเพราะว่าเพลงของผมใช้การไม่ได้?

ถ้าพยายามมากกว่านี้ จะส่งไปถึงหรือเปล่า?)


ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: อุจิคาว่าชูคุง?


ชู: คนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้… มีอะไร?


ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: เพลงเมื่อครู่นี้ ยอดเยี่ยมไปเลยนะ!

เธอเป็นคนแต่งขึ้นมาเองหรอ?


ชู: …… ถ้าไม่ใช่ ผมไม่เอาให้ปะป๊าดูหรอก


ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: แบบนี้เองๆ!

ปฏิกิริยาท่านพ่อดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันคิดว่าเธอมีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมเลยนะ!

ว่าไงล่ะ? ถ้าแต่งเพลงต่อไปเสร็จแล้วเอามาให้ฉันดูแทนมั้ย?

อะ ถ้าสะดวกก็ขอยืมโน้ตเพลงนั้นด้วย---


ชู: … อย่ามาแตะ


เสียงวิ่ง


ผู้เกี่ยวข้องในบริษัท: อ๊ะ ชูคุง! รอก่อน!



[ ปัจจุบัน ]


ชู:  พอแต่งเพลงมากเข้า พวกที่เข้ามาใกล้

ก็มีแต่เห็บแมลงไร้ค่าที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น

แต่ว่า ผมทำได้เพียงแต่งเพลงต่อไปเท่านั้น

ก็เพราะ สิ่งที่จะทำให้ปะป๊าจะมองมาที่ผม

มีแต่ดนตรีเท่านั้น


ชู: ----สุดท้าย ต่อให้แต่งเพลงที่ใส่ใจลงไปแค่ไหน

คิ้วของปะป๊าก็ไม่กระตุกเลยสักนิดเดียว

ไม่คิดจะมองผมเลยสักนิด



[ ย้อนความ ]


ชู: “ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นจากหัวใจที่มีเต็มเปี่ยม ต้องส่งไปถึงได้แน่” …?

(เสียงหัวเราะ) คนโกหก……

โกหก โกหก คนโกหก……!


ชู: (ทั้งถูกพวกผู้ใหญ่แบบปะป๊าเล่นตามอำเภอใจ

และเสียงประจบประแจงของพวกเห็บแมลงมามากพอแล้ว พอกันที)

(ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเล่นงานได้อีกแล้ว

จะไม่ถูกทำให้ปั่นป่วนเหมือนเด็กเล็กๆ อีกต่อไป)


ชู: (เสียงหัวเราะ)

------ ครั้งนี้ ผมจะเป็นฝ่ายหยอกเย้า ตามอำเภอใจกลับบ้างล่ะ*


(*ชูวัยเด็ก จะพูดสำเนียงภาษากลาง ซีนนี้เป็นซีนแรกที่ชูตอนเด็กพูดสำเนียงเกียวโต)



[ ย้อนความ (สตอรี่วง εpsilonΦ  5-5) ]


ทาดาโอมิ: ชูคุง แค่อยากได้รับคำชมจากคุณพ่อเท่านั้นนี่เอง



[ ปัจจุบัน ]


ชู: (ไร้สาระ ไร้สาระทั้งเพ)

(ละเล่นจนแสนสาหัส เหยียบย่ำ และทำลาย…

ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่โลดแล่นตามอำเภอใจแล้ว)

(แต่ในใจผม ยังเป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่อยากได้รับคำชมจากปะป๊าเท่านั้น)


ชู: ……. เพราะงั้นในท้ายสุด ไม่ว่าใคร….ก็ไม่มองมาที่ผมเหมือนเดิม

ฮะฮะ….. อะฮะฮ่าฮะฮ่าฮา…..


ชู: ……….. ไร้สา ระ


โมโมะ: ฟุ้บ


ชู: โมโมะ….. โมโมะ…….


เสียงย่ำเท้าเข้ามา


ชู: …..ใคร?


เสียงเปิดประตูเลื่อน


ฮารุกะ: เฮ้ย ไอ้เด็กเวร


ชู: … ฮารุกะ



-------------


ตอนที่ 5 - ดนตรีแสนโสมม



ชู: .... นายมาทำอะไร


ฮารุกะ: รีบๆ กลับโตเกียวซะ เราจะออกเฟสกัน


ชู: … εpsilonΦ ถูกสั่งห้ามขึ้นแสดงไม่ใช่รึไง

กลับไปก็ไม่มีความหมาย


ฮารุกะ: หนวกหู รีบๆ เตรียมกลับซะ


ชู: ….. นายเป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว


ฮารุกะ: ทำความเดือดร้อน ดูถูกเหยียดหยามรอบข้างไปทั่วทุกเมื่อเชื่อวัน

ทั้งที่ตั้งใจจะเป็นฝั่งที่เบื่อผู้อื่นและทิ้งไป

แต่ในท้ายสุดกลับเป็นฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งเสียเอง นั่นคือสิ่งที่ εpsilonΦ เป็น


ชู:  …….


ฮารุกะ: นั่นคือตัวนายที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือสถานการณ์ที่พวกเราเป็นอยู่ก็จริง

แต่ทันทีที่รู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นพอโดนทิ้ง กลับมางอมืองอเท้าหมกตัวที่เกียวโตเนี่ยนะ

นายมันก็แค่ไอ้เด็กเปรตเท่านั้นสินะ


ชู: นายมันจะไปเข้าใจอะไรตัวผมล่ะ…?

นายมันจะไปเข้าใจความรู้สึกผม…

ความรู้สึกของมนุษย์ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครเลยได้ยังไง!!


ฮารุกะ: ไม่เข้าใจเว้ย ไม่สนด้วย


ชู: ถ้าอย่างนั้น…!!


ฮารุกะ: แต่ฉัน! จำเป็นต้องมีอุจิคาว่าชู


ชู: หา?


ฮารุกะ: ฉันจะใช้ดนตรีเพื่อให้ฉันยอมรับในตัวเอง

เพื่อการนั้น ฉันจำเป็นต้องชนะเฟสให้ได้

ในการชนะ จำเป็นต้องมีเสียงของนาย

จำเป็นต้องมีเสียงเชี่ยๆ ของไอ้พวกนั้นด้วย

ดังนั้น ฉันเลยจะลากนายออกมาไงล่ะ


ชู: .... อะไรเนี่ย …. อยากจะยอมรับในตัวเอง

เลยมาสั่งให้ผมร้องเพลงเรอะ?

นายเริ่มสมองเพี้ยนไปแล้วหรอ?


ฮารุกะ: คนที่เพี้ยนมันนายไม่ใช่เรอะ ตั้งแต่แรกแล้ว


ชู: …… พูดไม่รู้เรื่อง


ฮารุกะ: ทั้งฉันและนาย สุดท้ายก็มีแต่ดนตรี

เป็นหนทางเดียวที่จะยอมรับตัวเองนี่


ชู: ….หา?


ฮารุกะ: จริงๆ นายก็รู้ ว่านั่นเป็นหนทางเดียว

ที่จะพิสูจน์ตัวตนของตัวเองไม่ใช่รึไง?


ชู: ……….อึก


ฮารุกะ: ทิฐิสูง ดูถูกคนเป็นว่าเล่น…

ไอ้สวะที่บิดเบี้ยวไปถึงแก่นทั้งรากทั้งโคน


ฮารุกะ: ยังจะมาบอกว่าจะมีวิธีอื่นยังไง ที่จะขอให้ตัวเองอยู่ในสายตาคนอื่นอีกเรอะ?

จะมาเปลี่ยนใจมาเป็นคนดีประเสริฐอะไรเอาป่านนี้รึไง?

จะให้คิดยังไง ก็เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เรอะ

ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันและนาย เหลือแต่ดนตรีเท่านั้นไงล่ะ


ชู: ……….

……. นายมันก็แค่อยากจะเปลี่ยนท่าทีขึ้นมาเฉยๆ ไม่ใช่รึไง


ฮารุกะ: จะว่ายังไงก็เชิญ

แล้วนายจะทำยังไงล่ะ


ชู: ผม…


ฮารุกะ: ฉันถามว่า อยากจะเป็นไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

ที่ไม่มีอยู่ในสายตาใครแบบนี้ไปตลอดรึไง


ชู: …...อึก

ใครมันจะอยาก เป็นกัน…...



(จบบทที่ 6)