วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

εpsilonΦ - YUMENOATO

YUMENOATO

ประพันธ์: Fujii Kentarou


ฟังช่องทางถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ https://bmu.lnk.to/Friction


—-


Unnecessary เสียงรบกวน แผ่กระจายลุกลาม

ดินแดนแห่งนี้เป็น Wasteland

ไม่ว่าใครต่างใฝ่เฝ้ารอจดจ่อแทบทนไม่ไหว

เส้นทางของ Wars ไร้ซึ่งสิ้นสุด


(Get down!)

ความเป็นไปได้ คือข้อคลี่คลายแสนพิศวงไม่ว่าสำหรับใครคนไหน

(สามัญชนทั่วไปย่อมล้มเลิกอย่างเสียไม่ได้ ยืนกรานปฏิเสธตนอย่างหยิ่งผยอง)

Shout it out! เรื่องขัดแข็งขัดขาจากคนนอกว่า Even? ช่างโอ้อวดกันเสียเหลือเกินนะ

(Looking from above เมื่อพลาดโอกาสทำแต้มประตู)


เพียงช่วงชิงไปและทำลายมัน ล้วนเป็นร่องรอยฝั่งฝันของทหารหาญ

(หัวใจสูบฉีดพุ่งพล่านอย่างไม่ทันนึกคิด และความโดดเดี่ยวที่มองหยามคนโง่เขลา)

ทุกสิ่งอย่างนั้นเป็นความภาคภูมิของใครผู้ใด?

(Only know นั่นคือ FAN เดนตายที่ชมได้ไม่มีเบื่อหน่าย)


ให้คำสัตย์!

No place (to) escape

คำตอบมีเพียงอย่างเดียว เสียงโอดครวญไร้ร่ำร้อง ความปรารถนากระหายไร้ทางสิ้นสุด

Fanfare ที่เป่าเสียงเริ่มสะท้อนก้องเพียงในซอกสมองตัวเอง

ไม่ว่าใคร (ฝูงนกแร้งกา Kick about!)

ไม่เคยรู้ (จุดจบของความทุกข์ลำเค็ญ We come back)

Fighters ที่กร่างว่าตนแกร่งอย่างเดียวดาย (Cry out!)

Crazy Game ที่ถูกจัดฉากไว้ (Never give up hope)

จงร่ายรำอย่างสง่างาม Trickster


(แขกคับคั่งถาโถม NOW!)

จะใครคนไหนล้วนแต่มัวมองยังฝัน จึงไม่ทันได้รู้

(เหล่าผู้ซื่อสัตย์จักเป็นผู้แข็งแกร่ง หรือจักตกเป็นทาสของเงินตรา)

You know me? เป็น Slave ของ Raven Heaven ที่ไร้วิจารณญาณรึไง? ลำบากแย่นะ

(แล้วคิดว่าช่วงจุดสูงสุดของชีวิตจะมาถึงเมื่อไหร่ล่ะ Are you satisfied?)


เฝ้าวิงวอนขอและพ่ายตายจาก Chain of Dream ราวกับวัชพืชในหน้าร้อน

(ท้ายสุดเราไม่อาจหลีกหนี Bind ให้พ้น ย่อมให้ Mind ไม่รับรู้ถึงการปนเปื้อน)

รีบตัดขาดบอกลาเสียที เหล่าเรื่อง Farce ที่เป็นเพียงคำสวยหรูดีแต่พูด

(แม้แต่เศษเสี้ยวสามัญสำนึกยัง Bounce การร่ายรำที่ประเมินว่าเป็นไปไม่ได้ Dance)

เพราะการรุดหน้าอย่างไร้ทิศทางเป็นสภาพอดสูน่าสังเวช?


Unnecessary เสียงรบกวน แผ่กระจายลุกลาม

ดินแดนแห่งนี้เป็น Wasteland

ไม่ว่าใครต่างไม่อาจล่วงรู้ถึงคำตอบใดใด

ร่องรอยฝั่งฝันของเหล่าผู้ไร้ความฝันใฝ่

(Only you ที่จะ Dive ไปยังเส้นทางที่ไม่เคยได้รู้)


จงกู่ร้อง!

โชคเข้าข้างหรือลางร้าย แกนั่นแหละเป็นคนตัดสินใจเองซะ

เพราะ Real มิอาจเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปได้คือ Your strength

บรรพบุรุษยุคก่อน ยังเคยเป็นแดนต่อสู้อันแสนขมขื่น

ยากที่จะดิ้นรน (ในสนามรบมีเพียง Dead or Alive)

ตามหาปัจจุบันตอนนี้ให้เจอเสียสิ


ให้คำสัตย์!

No place (to) escape

คำตอบมีเพียงอย่างเดียว เสียงโอดครวญไร้ร่ำร้อง ความปรารถนากระหายไร้ทางสิ้นสุด

Fanfare ที่เป่าเสียงเริ่มสะท้อนก้องเพียงในซอกสมองตัวเอง

ศัตรูแท้ (เสียงร้องยินดีไม่สมประกอบ Shit!)

คือตนเอง (ศัตรูฉกาจที่สมแก่การประหัตให้พ่าย)

แม้แต่ความเดียวดายยังแสน Fantastic (Magic)

Empty War อันไม่รู้จักหมดสิ้น (Never ending war)

บนเวทีอันไม่จีรังและยั่งยืน (Aim at the top)

จงร่ายรำอย่างสง่างาม Trickster


---


note:

YUMENOATO: แก่นและคอนเซปต์ของเพลงนี้ เราคิดว่ามาจากกลอน Yume no Ato ค่ะ

น่าจะอธิบายเนื้อความเพลงกำชับสุดแล้ว 555 อ่านเพิ่มเติมจากที่เคยคิดไว้ในนี้ค่ะ https://twitter.com/aykawgg/status/1437716723726094336


Raven Heaven: อีกาในภาพลักษณ์ทั่วไปอาจเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย แต่อีกแง่ในพงศาวดารก็มีการนำอีกาเป็นภาพลักษณ์ของ “ข้ารับใช้ของทวยเทพ” เช่นกัน เพราะมีการเสริมน้ำหนักด้วยเรื่องเล่าว่า อีกา (หรือสัตว์ประเภทนกอื่นๆ) มีหน้าที่ขนส่งดวงวิญญาณบนพื้นโลกไปยังสวรรค์, ในแง่คำพังเพย

ก็ใช้ตัวอีกาเป็นสัญญะของการหวนคืนสู่รังบ้านเกิด เพราะเสียงร้องของอีกาที่ร้องดังเมื่อกลับมาถึงรังด้วย (อ้างอิง https://www.weblio.jp/wkpja/content/%E3%82%AB%E3%83%A9%E3%82%B9_%E3%82%A4%E3%83%A1%E3%83%BC%E3%82%B8

สำหรับเพลง YUMENOATO คิดว่าในประโยคนี้จะสื่อถึงบริวารที่ทำตามหน้าที่โดยไร้ข้อโต้แย้ง

εpsilonΦ - Orthros

Orthros คำร้อง: TEQNICA ทำนอง: TEQNICA เรียบเรียง: eba 

Music Video (Short ver) https://www.youtube.com/watch?v=upTLKnMBtP4

ฟังเพลงถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ https://bmu.lnk.to/Friction


—-


ตาชั่งที่บิดเบี้ยว เคียงข้างตัวฉันตลอดมายังคงมี ใบหน้าที่เหมือนกันและเค้กที่ถูกหั่นครึ่ง

หนทางนำสู่ห้วงอเวจีอันเปี่ยมแน่นด้วยคุณภาพและปริมาณ แห่งบาปแสนเป็นมิตรที่แบ่งปันให้กัน

หลอดไฟที่เสื่อมลงสลายลงไป หันข้างหาฉันตลอดมายังคงเห็น ใบหน้าแสนกลัดกลุ้มและไอศกรีมที่ไม่ได้แตะ

หลอมละลายรวมทั้งน้ำไขสันหลังและหยาดน้ำตาอีกสิ ช่างเป็นสรวงสวรรค์ของเหลือประทาน


(สติสามัญ? วิปริต?) สายสัมพันธ์ต้องสาป

(สอนตื่นรู้? กล่าวหาว่าร้าย?) คว้านแผลเป็นให้บอบช้ำ

(สิ้นหวัง? ใฝ่หวัง?) นายเรียกว่าความรักใช่ไหมล่ะ?

I know, I know


Orthros

จะเป็นละครโศกหมอง หรือจะละครแสนสุข ถกเถียงมิอาจลงรอยกัน

ปิศาจตนนั้น (อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา)

ไม่อาจได้รับการยินยอมปลดปล่อยจากกรงสู่โลกแสนไพศาล

Orthros

หากฉันทุบหัวนั้นให้แหลกเละไป จะยังได้รับความช่วยเหลือหรืออย่างไร

เพราะในตัวพวกเรา (อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่)

ไม่อาจให้ยามหิมะละลายมาเยือนหาได้เลย*

หากจะมีการกลั่นแกล้งจากฟากฟ้าโชคชะตา

ขอดิ้นรนให้หลุดพ้นอีกสักครั้ง สู่ฟ้านภาสีคราม


เวทนาแสนบิดเบี้ยว แรงสั่นสะเทือนถึงเครื่องในในกายฉัน เมื่อได้ยินเสียงขำขันเยาะเย้ย และ Fake ของฝีเท้า*

หลบใต้หลังเงาที่ตีตนก่อนไข้ หาผู้ที่เข้าใจ สงสารแลอาดูร จักเบิกม่านแสดงโรงละคร Grand Guignol*

จังหวะเคลื่อนไหวที่จงใจให้เคลื่อนไป เพื่อได้ยินเสียงเดือดดาลกึกก้องสุดหอมหวาน และ Phases แสนต้องเสน่ห์

ถ้ากล้าก็ลองเข้ามาดูสิ ฉันจะแบกหลังให้นายเอง

ขอบใจสำหรับความตายที่มากเกินฉันจะรับไหว*


Orthros

ยังจดจำได้อยู่ใช่ไหม? ของขวัญที่ขยี้ทำลายโดยไม่แม้แต่จะเปิดมอง

ไม่สนุกเอาเสียเลย (จะออกหัว หรือจะก้อย จะออกหัว หรือจะก้อย)

ไหนลองหันมาแว้งกัดกลับมาให้ฉันเห็นซะสิ*

Orthros

อยากมาขวางกันนักใช่ไหม? กระจกหันหากัน เศษเสี้ยวแตกกระจายได้ส่องสะท้อน

เมื่อเห็นสายตานั้น (จะออกสูง หรือจะต่ำ จะออกสูง หรือจะต่ำ)

ก็ได้ถูกสูบกลืนไปยังโลกเบื้องหลังแสนเลวทราม

ทิวทัศน์ที่หลงใหลใบไม้ผลิที่เฝ้าคอย ช่างห่างไกลแสนไกลสุดลิบตา

เตะโดคุอิจิโกะให้ร่วงหล่นไป


อย่ามัวแต่เพ้อฝันถึงฟ้านภาสีครามนั่นเลย

ช่วยทิ่มแทงหนามนั่นมาให้ทีสิ Master

เจ้าช่างน่าเวทนา ถึงเวลาของหวาน

สวาปามมูมมามอยู่ในจานเดียวกัน Brother


(สติสามัญ? วิปริต?) ตอกลิ่มแห่งการเวียนวน

(สอนตื่นรู้? กล่าวหาว่าร้าย?) โซ่ตรวนที่พัวพันกัน

(สิ้นหวัง? ใฝ่หวัง?) นายเรียกว่าความรักใช่ไหมล่ะ?

I know, I know


หากได้ฆ่าและกินมันลงท้องไป

ร่างกายนี้จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว?

สักวันจะมาถึง (อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่)


Orthros

จะเป็นละครโศกหมอง หรือจะละครแสนสุข ถกเถียงมิอาจลงรอยกัน

ปิศาจตนนั้น (อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา)

ไม่อาจได้รับการยินยอมปลดปล่อยจากกรงสู่โลกแสนไพศาล

Orthros

หากฉันทุบหัวนั้นให้แหลกเละไป จะยังได้รับความช่วยเหลือหรืออย่างไร

เพราะในตัวพวกเรา (อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่ อยู่หรือไม่)

ไม่อาจให้ยามหิมะละลายมาเยือนหาได้เลย

หากจะมีการกลั่นแกล้งจากฟากฟ้าโชคชะตา

แสงไฟตะเกียงริบหรี่ เฮียวกะที่ฉันไม่ต้องการ

จนกว่าตาชั่งจะโอนเอียงหาฝั่งของตัวเอง

ฉันจะเอากลับคืนมาไม่ว่าจะกี่ครั้ง

มาขย้ำกัดกินจุดจบเสียดีกว่า Brother


---


note

หิมะละลาย: สื่อถึงช่วงหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ และในต้นฉบับใช้ตัวคันจิ 雪融け ที่ใช้ในความหมายการคลื่คลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นด้วย

fake: ทั่วไปหมายถึง ตบตา หลอกลวง แต่เราเจอในความหมายเชิงดนตรี (ไม่ทราบว่าใช้กันในสากลไหม) ว่าหมายถึงการ ด้นสดแบบจงใจให้เปลี่ยนแปลงไปจากทำนองเดิมที่มีอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะใช้ความหมายนี้เพราะท่อนถัดไปของชูจะมีการโต้ถึง phases (วลีเพลง) ค่ะ อ้างอิง https://utaten.com/karaoke/technique/songfake/

Grand Guignol: โรงละครที่มีอยู่จริงในฝรั่งเศสปี 1897 - 1962 เนื้อหาการแสดงจะแนวสยองขวัญ ผิดศีลธรรม ดิบเถื่อน เลือดสาด gore

ความตายที่มากเกินจะรับไหว: 身に余る เป็นสำนวนถ่อมตน เมื่อได้รับคำชื่นชมหรือสิ่งดีๆ เกินตัวเอง ในด้านบวก กรณีนี้ในเพลงมาใช้กับความตายซึ่งเป็นด้านลบ จึงค่อนข้างอิมแพ็คสำหรับการเล่นภาษาอยู่ค่ะ

ลองแว้งกัดกลับมา: คิดว่ามาจากสำนวน 恩を仇で返す ฟีลชาวนากับงูเห่าที่เราทำอะไรกับคนอื่นไปแล้วกลับตอบแทนความหวังดีด้วยการหักหลังค่ะ

โดคุอิจิโกะ: 毒苺 สตอว์เบอร์รี่ป่าที่ขึ้นช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น

เฮียวกะ: 氷菓 ขนมของหวาน เรียกกันเฉพาะช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น (ตามแพ็คเกจขนมหวานญี่ปุ่นจะนิยามของหวานประเภทอื่นนอกเหนือจากไอศกรีมต่างๆ ว่าเฮียวกะ)

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

【Voice Drama & SOL】εpsilonΦ: Orthros - ตาชั่งที่บิดเบี้ยว -

Voice Drama & SOL

εpsilonΦ: Orthros - ตาชั่งที่บิดเบี้ยว -


เปิดให้ฟังครั้งแรก: 4 กันยายน 2022

link: https://www.youtube.com/watch?v=r9q_Yu7DQ30

Orthros -MV short ver.- : https://www.youtube.com/watch?v=upTLKnMBtP4


เนื่องจากเป็นบทพากย์ที่ไม่มีสคริปต์ตัวอักษรโชว์เราเลยฟังสดเอา

ประโยคไหนที่ไม่มั่นใจ เราจะ (*) ไว้ท้ายประโยคนะคะ


---


-1-


ฮารุกะ: ห๊า!? อย่ามากวนสิวะ!

คานาตะ: พี่เดือดพล่านอะไรอีกแล้วเนี่ย ฉันพูดความจริงนี่นา

เสียงกีตาร์ของพี่ช่วงนี้มันหละหลวมหรือเปล่านะ เนี่ย

ฮารุกะ: นั่นเพราะแกพูดเองเออเองไม่ใช่เรอะ!

เอาหลักเกณฑ์ที่ไหนมาพูดกันวะ


ทาดาโอมิ: ช่วงนี้ ฮารุกะคุงกับคานาตะคุงทะเลาะกันบ่อยขึ้นเนอะ

เรย์จิ: เรื่องปกตินี่ที่เจ้าสองคนนั้นทะเลาะกัน

ชู: ฮึฮึ เพราะช่วงนี้ฮารุกะมีเพื่อนเพิ่มขึ้น คานาตะคงไม่พอใจละมั้งนะ?

ทาดาโอมิ: ทำยังไงดีนะ

ชู: เอาน่า คอยดูละกัน ผมมีพอจะคิดอะไรได้อยู่ละ

เรย์จิ: คิดอะไร?

ชู: ใช่ เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกเบื่ออยู่ด้วย คิดเรื่องแก้เหงาได้ละ


(เสียงเดิน)


ชู: คิกคิก ฮารุกะ คานาตะ

ฮารุกะ: อะไร

คานาตะ: อ๋า ชูคุง ช่วยพูดให้หน่อยซี่ พี่มาหาเรื่องอะ

ชู: ผมไม่สนใจเนื้อหาที่พวกนายทะเลาะกันสักมิลิเดียว

แต่ว่านะ ผมนึกอะไรสนุกๆ ออกละ ช่วยฟังผมได้ไหมนะ?

ฮารุกะ: หา?

ชู: ผมอยากเล่นเพลงใหม่ในไลฟ์ถัดไป และอยากให้ฮารุกะกับคานาตะ

แต่ละคนช่วยผมแต่งเพลงใหม่ให้หน่อยน่ะ

ฮารุกะ&คานาตะ: หา? / เอ๋?

เรย์จิ: ชู คุณจะทำอะไรตามใจอีก…!

ชู: หลังจาก LRF หยุดพักชั่วคราว ก็ยังมาเจอพวกนายทะเลาะกันอีก

พูดตามตรง ผมลำบากใจนะ พวกนายไม่อายบ้างหรอที่ทำให้เด็กมัธยมต้นเดือดร้อน

ฮารุกะ: ไม่ใช่ความผิดของฉัน!

คานาตะ: เอ๋〜 คนที่ขึ้นเสียงทะเลาะมาก่อนคือพี่นี่นา

ฮารุกะ: นั่นเพราะแกพูดหาเรื่องใส่ฉัน!

ชู: งั้น พวกนายก็มาวัดความเก่งกาจกันก็พอ

คานาตะ: ความเก่งกาจ?

ชู: ใช่ ให้ลองเล่นเพลงของฮารุกะและเพลงของคานาตะ

เป็นการแข่งที่วัดว่าเพลงของฝั่งไหนจะทำให้ผู้ชมครึกครื้นกว่ากันไงละ

ถ้าเป็นดนตรีก็จะเห็นผลแพ้ชนะของการทะเลาะกันง่ายใช่ไหมล่ะ

ชู: เป็นไง? รู้สึกสนใจขึ้นมาแล้วรึยัง?

คานาตะ: เอ่อ คือ? ฉันจะต้อง แต่งเพลงอะนะ?

ฮารุกะ: อย่ามาล้อเล่น ทำไมฉันต้องมาเล่นตามใจนายด้วย

ชู: หืม? นายกลัวที่จะแพ้คานาตะนี่เอง

ฮารุกะ: อึก

ชู: ก็คงจะใช่ละเนอะ สิทธิผูกขาดของนักแต่งเพลงที่มีแต่นายคนเดียว

ถ้าต้องมาแพ้น้องชายละก็คงจะอายขายขี้หน้าน่าดูสิเนอะ

ฮารุกะ: (กัดฟันไม่พอใจ)

คานาตะ: ฉันแข่งได้นะ เห็นด้วย แต่ก็ในกรณีที่พี่โอเคด้วยละนะ

ชู: ฮึๆ ฮารุกะ นายว่ายังไงล่ะ?

ฮารุกะ: …เวรเอ๊ย! (เสียงเดินเร็ว)

น่ารำคาญ! (เสียงปิดประตู)

คานาตะ: อ๋า โมโหขึ้นหน้าซะแล้ว

จะว่าไปแล้วนะชูคุง ฉันไม่เคยแต่งเพลงหรือแต่งคำร้องมาก่อนเลยอะ

ชูคุงจะช่วยสอนให้เหรอ?

ชู: ทำไมผมต้องเป็นคนทำเรื่องยุ่งยากพรรค์นั้นด้วย

คานาตะ: เอ๋!?

ชู: เรย์จิ ฝากนายด้วย

เรย์จิ: ผม...รึครับ? แต่ว่า…

ชู: นายเองก็มีประสบการณ์แต่งเพลงมาก่อนนี่ สอนได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?

เรย์จิ: เฮ้อ เข้าใจแล้วครับ

คานาตะ: รุ่น〜พี่คาราสึมะ ฉันน่าจะมีเรื่องสงสัยเยอะแยะเลย*

ช่วยสอนฉันแบบอ่อนโยนๆ ด้วยน้า

เรย์จิ: (ถอนหายใจ)

ชู: (หัวเราะคิกคัก)

ทาดาโอมิ: ชูคุง ท่าทางสนุกอยู่เนอะ

ชู: ก็นะ ฮึฮึ ไลฟ์​ครั้งถัดไปจะเป็นยังไง น่าดูชมเชียวละ



-2-


(ภาพดำ)


คานาตะ(เด็ก): ฮารุกะ รอเดี๋ยวสิ

ฮารุกะ(เด็ก): เอ้า คานาตะ จับมือฉันไว้สิ!

คานาตะ(เด็ก): อือ ฮารุกะสุดยอดเลยนะ ทำได้ทุกอย่างเลย

ฮารุกะ(เด็ก): งั้นเหรอ! คานาตะเอง ถ้าพยายามก็สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกันนะ!

คานาตะ(เด็ก): สามารถทำได้ทุกอย่างเหรอ?

ฮารุกะ(เด็ก): ใช่แล้ว!

คานาตะ: จริงๆด้วย… อะไรกัน ความสามารถพี่ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา

ฮารุกะ(เด็ก): เอ๊ะ?

คานาตะ: ฮารุกะผู้น่าสงสาร โดดเดี่ยวและหยิ่งยะโส

ชนะฉันไม่ได้เลยสักอย่าง (เสียงหัวเราะเบาๆ)

ฮารุกะ: เอ๊ะ…?


(ตัดกลับมาปกติ)


ฮารุกะ: เฮือก! …แฮ่ก แฮ่ก

ชิ ผล็อยหลับไปในช่วงที่แต่งเพลงอยู่งั้นเรอะ… ฝันเลวร้ายที่สุด

สุดท้ายฉันก็ไปเต้นตามชูมันจนมาแต่งเพลงอย่างนี้

กระวนกระวายอย่างประหลาด แต่งเพลงเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง

หมอนั่นตั้งใจจะแต่งออกมายังไงกัน…?! และฉันจะเอาชนะมันได้ยังไง…

จะต้องเสริมอะไรที่ไม่เหมือนกับที่ผ่านมาเข้าไปเรอะ

ไม่… ถ้าจะให้ผู้ชมครึกครื้น ต้องใส่ส่วนที่เป็นกระแสนิยมเข้าไป

หรือไม่ก็… ต้องใส่ลูกเล่นกิมมิคไปถึงจะดี*

แม่งเอ๊ย… ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันคง…


ชู: หืม? นายกลัวที่จะแพ้คานาตะนี่เอง


ฮารุกะ: อึก…!

สมัยนั้น… อยากจะบอกกับตัวเองที่จับมือหมอนั่นไว้เหลือเกิน!

ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าของนาย เป็นไอ้คนที่คอยจ้องจะแย่งที่คงอยู่ของนายอยู่…!

จะไม่ให้ความตั้งใจนี้แพ้มันเด็ดขาด* เพราะไอ้ของที่มันจะแย่งชิงไป

ฉันไม่มีเหลืออะไรสักอย่างแล้ว


(เสียงเคาะประตู)


ทาดาโอมิ: ฮารุกะคุง สะดวกหรือเปล่า?

ฮารุกะ: รุ่นพี่คุรามะ? (เสียงเปิดประตู)

ทาดาโอมิ: อา.. ขอโทษ นายกำลังแต่งเพลงอยู่สินะ ผมมาจุ้นจ้านหรือเปล่า?

ฮารุกะ: ก็ไม่นี่ มีธุระอะไร

ทาดาโอมิ: เหมือนว่าฝั่งคานาตะคุงจะมีเรย์จิคุงคอยช่วยดูอยู่

ผมเลยคิดว่าอยากจะช่วยฮารุกะคุงเสียหน่อย

ฮารุกะ: ฉันไม่ต้องการ เพลงใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ

ทาดาโอมิ: แบบนี้นี่เอง ผมขอฟังได้ไหม?

ฮารุกะ: จะทำอะไรก็ตามใจ


ทาดาโอมิ: อืม ผมลองฟังดูแล้วนะ จะว่ายังไงดี…

ฮารุกะ: อะไร

ทาดาโอมิ: เป็นเพลงที่ไม่สมกับเป็นฮารุกะคุงเลยนะ

ฮารุกะ: หา?

ทาดาโอมิ: อืม เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกบุกทะลวงทั้งกระว้ากระวนใจ

ผมอาจพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รู้สึกว่าเพลงนี้ขาดความเป็นตัวฮารุกะคุงยังไงไม่รู้

ฮารุกะ: พูดอะไรของนาย…?!

ทาดาโอมิ: ขอโทษ ผมทำให้นายโกรธหรือเปล่านะ?

ถ้าในความคิดของผม เพลงที่สมเป็นตัวฮารุกะคุง ไม่ใช่เชิงบุกทะลวงหรือเชิงกระตุ้นเร่งเร้า

แต่มีความเป็นโศกนาฏกรรมมากกว่านี้--

ฮารุกะ: พอได้แล้ว ออกไปซะ! ฉันไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใคร!

ทาดาโอมิ: เข้าใจละ ถ้านายลำบากใจอะไร บอกผมได้เลยนะ


(เดินออกจากประตูและปิด)


ฮารุกะ: มาพูดเหมือนรู้ดีไปหมด ชิ ฉันเองก็คอยเปรียบเทียบเพลงเองอยู่แล้ว…*

ต้องแสดงด้านโสโครกของตัวเองออกมา ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจเป็นเพลงของฉันได้

แต่ว่า ถ้าเป็นแบบนั้นคงเป็นเพลงไม่อาจที่ชนะมันได้

จะอะไรนักหนา…*


(ฉากมืดลง)


ฮารุกะ: แย่ละ ขึ้นวันใหม่แล้ว เวลาป่านนี้แล้วเรอะ

หลังจากคุยกับรุ่นพี่คุรามะ ฉันเขียนเพลงใหม่อีกหลายครั้ง แต่ยังไม่มีเพลงที่ฉันยอมรับได้เลย

เอาเป็นว่า ไปพักที่ห้องนั่งเล่นสักหน่อยดีกว่า


(เสียงลุก เปิดประตูเดิน)


ฮารุกะ:อะ ไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ ยังมีคนไม่นอนเรอะ


(เสียงเปิดประตู)


ฮารุกะ:เดี๋ยวสิ เพลงนี่มัน…!


คานาตะ: อ้าว พี่?

ฮารุกะ:...! นาย…..

คานาตะ: พี่เองก็ยังตื่นอยู่เหรอเนี่ย โทษที เสียงดังหนวกหูเหรอ?

ฉันกำลังปรับแต่งเพลงอยู่น่ะ แหม การแต่งเพลงนี่มันลำบากจริงๆ นะเนี่ย

ฮารุกะ: (เสียงหอบ)

คานาตะ: เอ้ย พี่ ไหวไหมเนี่ย? สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ

ฮารุกะ: เฮ้ย เพลงนั่น แกคงไม่บอกว่าแกแต่งเองใช่มั้ย?

คานาตะ: เอ๋ ต้องเป็นเพลงที่ฉันแต่งเองอยู่แล้วสิ

เห็นแบบนี้คานะจังก็มีส่วนที่จริงจังเหมือนกันน้า

กำลังแต่งเพลงอย่างมุ่งมั่น ไม่ขดโค้งไม่ได้โกงอยู่นะ

ฮารุกะ: อย่ามาโกหกสิวะ!!

คานาตะ: หา? จู่ๆ อะไรเนี่ย? ฉันพูดจริงนะ

รุ่นพี่คาราสึมะสอนฉันแค่วิธีการแต่งเท่านั้นเองด้วย

นี่เป็นเพลงที่ตัวฉันแต่งเองจริงๆ

ฮารุกะ: ไม่มีทาง…! ก็เพลงนั่น!

ฮารุกะ: (ท่วงทำนอง จังหวะ เมโลดี้ คล้ายกัน… ฉันถูกขโมยงั้นเรอะ?!

ไม่ เป็นไปไม่ได้ เพลงที่รุ่นพี่คุรามะฟังตอนนั้น ฉันก็ทำลายมันไปแล้ว

เพลงนี่เป็นเพลงที่ฉันเพิ่งแต่งเสร็จตอนนี้! งั้นแสดงว่า…)


(เสียงกระดาษตก)


คานาตะ: อะ โน้ตเพลงร่วงแล้วแน่ะ (เสียงหยิบ)

อ้าวเอ๋? นี่… เป็นเพลงที่พี่เพิ่งแต่งเสร็จเหรอ?

ฮารุกะ: เฮ้ย อย่ามาแตะต้องตามใจชอบสิวะ!

คานาตะ: หืม… แบบนี้นี่เอง เหตุผลที่พี่ฟิวส์ขาดเพราะสิ่งนี้เอง

ฮารุกะ: เอาคืนมา!!

คานาตะ: นี่พี่ ถ้าฉันแต่งเพลงเก่งขึ้น ฉันจะเป็นคู่แข่งของพี่ได้หรือเปล่านะ?

ฮารุกะ: คู่แข่ง งั้นเรอะ?

คานาตะ: ใช่ คู่แข่ง (เสียงกระดาษ) โน้ตเพลงนี่เป็นหลักฐานประจักษ์เลยนี่

ว่าแล้ว คนที่ยืนอยู่เคียงข้างฮารุกะได้ มีแต่ฉันเท่านั้น

ฮารุกะ: หนวกหู!!! คู่แข่ง!!? อย่ามากวนตีนสิวะ!! ใครมันจะเหมือนนาย--


ทาดาโอมิ: ฮารุกะคุง? คานาตะคุง?

เรย์จิ: เงียบหน่อย! พวกนายคิดว่ากี่โมงกี่ยามกันแล้ว

ฮารุกะ: ชิ… แม่งเอ๊ย!

เรย์จิ: เฮ้ย ฮารุกะ!


(ภาพจางลง เหลือแต่ความคิดฮารุกะ)


ฮารุกะ: ถ้าหากหมอนั่น แต่งเพลงขึ้นมาเองอย่างจริงจัง…

ต่อให้กระเสือกกระสนยังไง ทุกอย่างก็แสดงให้เห็นว่าพวกเราเป็นฝาแฝดกัน!

ถึงแต่งเพลงที่มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงออกมาหรือไงกัน!

ขยะแขยง… ขยะแขยงที่สุด…!

ถ้าแค่ต้องแสดงด้านโสโครกของตัวเองออกมาก็คงเอาชนะมันไม่ได้

แต่ว่า เพลงที่ฉันแต่งขึ้นมาได้ก็มีแต่ของแบบนั้นเท่านั้น!

สุดท้าย ฉันมีแต่ทางนั้นเท่านั้น…


(ภาพกลับมาเป็นห้องปกติ)


ฮารุกะ: ฉันไม่ต้องการเพลงพรรค์นี้ (เสียงฉีกกระดาษ)

เกลียดชัง.. เคียดแค้น… สิ้นหวัง… มุ่งฆ่า…

ฉันจะทุ่มด้วยทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะหมอนั่นให้ได้!



-2-


ชู: ใช่ ให้ลองเล่นเพลงของฮารุกะและเพลงของคานาตะ

เป็นการแข่งที่วัดว่าเพลงของฝั่งไหนจะทำให้ผู้ชมครึกครื้นกว่ากันไงละ

ถ้าเป็นดนตรีก็จะเห็นผลแพ้ชนะของการทะเลาะกันง่ายใช่ไหมล่ะ


(ห้องซ้อม)


คานาตะ: ถึงชูคุงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ

แต่พูดตามตรง การแข่งครั้งนี้ออกจะไม่ยุติธรรมสำหรับมือใหม่อย่างฉันนะเนี่ย

รุ่นพี่คาราสึมะก็คิดเหมือนกันใช่ม้า ต้องคิดเหมือนกันแน่ๆ

เรย์จิ: พูดจาเลอะเทอะแล้วคานาตะ อย่าขยับแต่ปาก ใช้มือขยับซะบ้าง

คานาตะ: เอ๋ เย็นชาจังอ่า

เรย์จิ: (ถึงว่าอย่างนั้น ฉันเห็นถึงต้องชื่นชมอีกครั้ง

ถึงความคล่องแคล่วชำนาญ และรับข้อมูลอย่างรวดเร็วของคานาตะ

ฉันเพียงแค่สอนวิธีการแต่งเพลงและเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน

แต่กลับได้ระดับที่ไม่คิดว่าจะเป็นมือใหม่แต่งได้

ตอนที่สอนเพลงก็คิดว่าจะเจอการเล่นยียวนหรือโดดไม่มาฟัง แต่กลับตั้งใจอย่างจริงจังผิดคาด)

เรย์จิ: ฮึ่ม…

คานาตะ: เดี๋ยวเถอะ รุ่นพี่คาราสึมะ จ้องเขม็งมาขนาดนี้รู้สึกขนลุกนะเนี่ย?

เรย์จิ: อะ อา โทษที ฉันแค่คิดว่านายมุ่งมั่นจริงจังผิดคาดเฉยๆ น่ะ

คานาตะ: ‘ผิดคาด’อะไร เสียมารยาทไปไหมอะ!?

เรย์จิ: ถ้ามองจากพฤติกรรมปกติของนายแล้ว ไม่ว่าใครก็คงคิดแบบนั้น

เรย์จิ: ทั้งโดดการซ้อม ทั้งมาสายตอนรวมตัวกันอีก แล้วยังไม่มีสมาธิกับอะไร

ซึ่งแตกต่างจากสภาพนายครั้งนี้ ต้องรู้สึกประหลาดใจอยู่แล้วน่ะสิ

เรย์จิ: …มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษงั้นเรอะ

คานาตะ: เหตุผลเนอะ ไม่สลักสำคัญอะไรหรอก ก็แค่อยากให้มองมาที่ฉันเท่านั้นเอง

เรย์จิ: ‘อยากให้มองมา’ ?

คานาตะ: ใช่ แค่นั้นแหละ

เรย์จิ: อยากให้ฮารุกะมองมา น่ะเหรอ?

คานาตะ: แหงสิ จะมีใครอื่นอีกล่ะ? ถึงให้รุ่นพี่คาราสึมะมองมา ฉันไม่รู้สึกดีใจสักกะนิดเลยนะ

เรย์จิ: สบายใจได้ ฉันไม่ได้สนใจนายขนาดนั้น

คานาตะ: เอ๋ ปากร้ายอ่า

คานาตะ: ฉันรู้สึกว่าถ้าได้พยายามแล้วครั้งนี้พี่น่าจะหันมามองละนะ

ตอนสมัยเด็ก ฉันค่อนข้างขี้โรคเลยละ

เพราะฉะนั้น สำหรับฉันแล้วพี่เป็นตัวตนแสนพิเศษ จะเรียกว่ายังไงดี เหมือนกับฮีโร่? ประมาณนั้นแหละ

ตอนที่ฉันนอนขดเพราะไข้สูง หรือตอนที่ฉันหกล้มร้องไห้ พี่คอยอยู่เคียงข้างฉัน คอยกุมมือฉันเสมอ

คานาตะ: ถ้ามองจากพี่ในตอนนี้ จินตนาการไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะ?

เรย์จิ: อา

คานาตะ: ถึงตอนนี้จะทะเลาะกัน ฟิวส์ขาดกันอยู่เรื่อยๆ

แต่ไม่ว่ายังไง ฉันกับพี่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันจริงๆ

เพราะงั้นบางทีก็ช่วยมองมาที่ฉันบ้างสิ อะไรเงี้ย คิดแบบคนเป็นน้องมักจะคิดกันน่ะน้า

เพลงในครั้งนี้เอง ฉันก็รวมความรักต่อพี่ที่เป็นอย่างนั้นใส่เข้าไปไงละ

เรย์จิ: สำหรับ ‘ความรักฉันท์พี่น้อง’ แล้ว ก็เป็นความรู้สึกที่หนักหน่วงอยู่นะ…

เรย์จิ: นี่ คานาตะ ฉันมีข้อสงสัยหนึ่งอย่าง

คานาตะ: อะไรเหรอ

เรย์จิ: พฤติกรรมของนายที่มีต่อฮารุกะ มีปัญหาตรงส่วนที่บิดเบี้ยวตรงนี่ตรงโน้นไปหมด

แต่ว่าพื้นฐานแล้วนายมีความสามารถในการ ‘ปรับตัวเข้าหา’

คานาตะ: เอ๊ะ? โดนรุ่นพี่คาราสึมะชม… หยะแหยงอะ

เรย์จิ: ตั้งใจฟังฉันดีๆ สิ

เรย์จิ: คนที่มีความสามารถในการปรับตัวเข้าหาระดับนาย น่าจะปรับตัวเข้าหาฮารุกะในทางที่ดีกว่านี้ได้

ทั้งอย่างนั้น ทำไมถึงไม่สร้างสายสัมพันธ์ในทางที่ดีกว่านี้ล่ะ? เมื่อวานนายก็มีปากมีเสียงกับฮารุกะนี่

คานาตะ: อืม

เรย์จิ: ฉันเองก็… เอ่อ… มีพี่น้องอยู่น่ะ ฉันเลยอยากพยายามเข้าใจนายสักเล็กน้อยก็ดี

ในกรณีของฉัน มันไม่อาจรักษาสายสัมพันธ์ได้ดังเดิมแล้ว

แต่พวกนายยังมีโอกาส มีความเป็นไปได้ที่จะทำความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้

คานาตะ: ‘ทำให้ดีขึ้น’ เนอะ เรื่องแบบนั้นฉันรู้อยู่แล้วละ

แต่ว่าพวกเรา ไม่ฝืนตัวเองให้เป็นแบบนั้นหรอก

เรย์จิ: เอ๊ะ?


(เหลือแต่ความคิดคานาตะ)


คานาตะ: อะ โน้ตเพลงร่วงแล้วแน่ะ (เสียงหยิบ)

อ้าวเอ๋? นี่… เป็นเพลงที่พี่เพิ่งแต่งเสร็จเหรอ?

ฮารุกะ: เฮ้ย อย่ามาแตะต้องตามใจชอบสิวะ!


คานาตะ: (ท่วงทำนอง จังหวะ เมโลดี้ คล้ายกัน…กับเพลงของฉัน

แบบนี้เอง อย่างนี้นี่เอง)


คานาตะ: หืม… แบบนี้นี่เอง เหตุผลที่พี่ฟิวส์ขาดเพราะสิ่งนี้เอง

ฮารุกะ: เอาคืนมา!!


คานาตะ: (ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่? ทำหน้าสิ้นหวังสุดขั้วอย่างนั้น

ฉันดีใจนะ ดีใจจนทนแทบไม่ไหว)


คานาตะ: นี่พี่ ถ้าฉันแต่งเพลงเก่งขึ้น ฉันจะเป็นคู่แข่งของพี่ได้หรือเปล่านะ?

ฮารุกะ: คู่แข่ง งั้นเรอะ?

คานาตะ: ใช่ คู่แข่ง โน้ตเพลงนี่เป็นหลักฐานประจักษ์เลยนี่

ว่าแล้ว คนที่ยืนอยู่เคียงข้างฮารุกะได้ มีแต่ฉันเท่านั้น


คานาตะ: ต่อให้กระเสือกกระสนยังไง ทุกอย่างก็แสดงให้เห็นว่าพวกเราเป็นฝาแฝดกัน

ถึงแต่งเพลงที่มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงออกมา ฮารุกะเองก็เข้าใจดีเลยใช่มั้ยล่ะ?


ฮารุกะ: หนวกหู!!! คู่แข่ง!!? อย่ามากวนตีนสิวะ!! ใครมันจะเหมือนนาย--


คานาตะ: ฉันไม่ได้ปรารถนาที่จะทำให้มันดีขึ้น

แต่แรกเดิมที ฉันไม่พึงพอใจกับการที่เป็นเพียงแค่ ‘ความรักฉันท์พี่น้อง’ ด้วย

เพราะหนทางที่จะเป็นแบบนั้นได้ มันจบลงมาเนิ่นนานแล้วน่ะสิ


(กลับมาปกติ)


เรย์จิ: คานาตะ?

คานาตะ: อ๋า โทษทีๆ พอดีคิดถึงเรื่องเมื่อวานน่ะ

ถ้าให้ฉันตอบคำถามของรุ่นพี่คาราสึมะละก็…

เพราะว่าสายสัมพันธ์ธรรมดาแสนสุขเหมือนพี่น้องทั่วไป มันไม่เหมาะสมกับพวกเรา ละมั้ง

เรย์จิ: หมายความว่ายังไง?

คานาตะ: เอาละ เพลงใหม่เสร็จสมบูรณ์!

คานาตะ: ……นี่คือความรักของฉันนะ พี่



-3-


(ไลฟ์เฮาส์)


ชู: เพลงของฮารุกะและเพลงของคานาตะ ดีจริงที่เสร็จพร้อมกันทั้งคู่เนอะ เรย์จิ

เรย์จิ: เหลือทนจริงๆ ครับ นับตั้งแต่ตอนนั้นก็เร่งซ้อมและเร่งปิดเพลงให้เสร็จ

เฮ้อ ชู ครั้งต่อไปหากจะมีการละเล่นเช่นนี้ ช่วยบอกผมล่วงหน้าด้วยเถอะครับ

ผมเหน็ดเหนื่อยกับการเร่งจัดตารางอย่างนี้แล้ว*

ชู: หา? ฮึฮึ ถ้าผมบอกล่วงหน้าก็ไม่สนุกพอดีสิ

เรย์จิ: คนแบบคุณนี่มัน…

เอาละ เตรียมตัวกันพร้อมแล้วรึยัง ทาดาโอมิ

ทาดาโอมิ: อืม

เรย์จิ: ฮารุกะ คานาตะ จะเริ่มแสดงแล้ว อย่าทะเลาะกันละ

ฮารุกะ: เข้าใจแล้วน่า

คานาตะ: คร้าบๆ


คานาตะ: ในที่สุดก็มาถึงวันไลฟ์จริง ใครจะเป็นฝ่ายชนะ น่าลุ้นดีเนอะพี่

ฮารุกะ: พูดได้พูดไป ฉันไม่แพ้เพลงที่มีแต่ผิวเผินอย่างนั้นหรอก

คานาตะ: หืม เรื่องนั้นจะเป็นยังไงกันน้า

ฉันคิดว่าถ้าลองได้จับแต่งเพลงเป็นกิจเป็นกะขึ้นมาก็เป็นไปได้เหมือนกันนะ

ฮารุกะ: อึก

คานาตะ: ตอนนั้นฉันโดนปฏิเสธมาก็จริง แต่ขอถามอีกครั้งได้มั้ย?

ฉันเป็นคู่แข่งของพี่ได้หรือเปล่า?

ฮารุกะ: ชิ ถามทั้งที่รู้คำตอบของฉันแก่ใจอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ

ไม่มีทาง ไอ้ขี้ลอก

คานาตะ: ...


ทาดาโอมิ: นี่ ชูคุง

ชู: ว่ายังไง ทาดาโอมิ

ทาดาโอมิ: ชูคุงคิดว่า เพลงของฮารุกะหรือเพลงของคานาตะ

เพลงของใครจะทำให้แขกครึกครื้นเหรอ?

ชู: ไม่รู้สิ ของแบบนี้ต้องขึ้นแสดงถึงจะได้รู้

ไม่ว่าจะเป็นฝั่งใคร แต่น่าจะเป็นไลฟ์ที่ทำให้ผมสนุกได้ละนะ

ถ้าอย่างนั้น ไปกันเถอะ



- SOL -


M1.「Hikari no Akuma」 

M2.「Cynicaltic Fakestar」

M3.「Yume no Ato」 


MC


ชู: สายันต์สวัสดิ์ พวกเราเอปซิลอนฟาย

ไลฟ์วันนี้จะมีส่งต่อที่แตกต่างจากครั้งอื่นเล็กน้อย*

พี่ชายพี่สาวที่มาฟังได้ ช่างโชคดีจริงๆ

ฮึฮึ ผมเองก็ตั้งตารอคอยอยู่เล็กๆ เหมือนกัน เนอะ คานาตะ

คานาตะ: อื้อ! ฉันก็รู้สึกตั้งตารอคอยมากๆ อยู่เหมือนกันนะ

ถ้ามีเพลงที่อยากให้ทุกคนได้ฟัง สมาชิกวงจะฟังมันด้วยความรู้สึกยังไง

ฉันมีเพลงประมาณนี้อยู่ด้วยละนะ

งั้น จะเริ่มเล่นเพลงถัดไปแล้วนะ!

I’m picking glory


M4.「I’m picking glory」 

M5.「Heroic」

M6.「re:play」


MC


ชู: ขอบพระคุณ เวลาแสนสนุกช่างแสนสั้น

เพลงต่อไปเป็นเพลงสุดท้าย ผมช่างเศร้าเหลือแสน

ว่าไปนั่น ฮารุกะก็พูดว่ารู้สึกเศร้าสร้อยอยู่แน่ะ

ฮารุกะ: หา? ฉันไม่ได้พูดอะไรพรรค์นั้น

ขอแค่ ให้ฟังเพลงต่อไปนี้จนจบให้ดี

เริ่มละนะ

Orthros


M7.「Orthros」


- 4 -


คานาตะ: ไลฟ์สนุกดีเนอะพี่

ฮารุกะ: ไม่นี่

คานาตะ: เพลงของพวกเรา คล้ายกันมากเลยเนอะ

พี่เองก็รู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย?

ฮารุกะ: ไม่ เพลงของฉันกับเพลงของแกไม่เหมือนกันสักนิดเดียว

ตั้งแต่รากไปจนถึงอะไรต่อมิอะไร ถ้ามีส่วนไหนที่มันเหมือนกัน

นั่นเป็นเพราะแกนั่นแหละที่ไปลอกมาเอง

คานาตะ:

ฮารุกะ: ฉันกับแกไม่เหมือนกัน ฉันจะแสดงให้เห็นด้วยดนตรีเอง


(เสียงเดินออก)


คานาตะ: งั้นเหรอ



- 5 -


ทาดาโอมิ: ไลฟ์วันนี้ครึกครื้นดีเนอะ สุดท้ายผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแพ้ชนะเท่าไหร่

แต่ทั้งฮารุกะคุงและคานาตะคุงต่างผิดไปจากเดิม

นี่ ชูคุงคิดว่าฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายชนะเหรอ?

ชู: เฮ้อ จะฝั่งไหนก็เหมือนกันทั้งคู่

ทาดาโอมิ: ฝั่งไหนก็เหมือนกัน?

ชู: ใช่ ฮารุกะก็คิดแค่อยากชนะคานาตะ

คานาตะก็คิดแค่อยากจะเป็นคู่แข่งฮารุกะ

ชู: เป็นแค่เรื่องราวของนกเพียงสองตัว ทะเลาะกันภายในกรงอันคับแคบ

อุตส่าห์ตั้งตารอว่าจะมาในทิศทางเดียวกัน* แต่อะไรเนี่ย ไม่เท่าไหร่เลย

ชู: ผิดจากที่คาดหวัง

ทาดาโอมิ: งั้นเหรอ ทั้งสองคนเป็นแค่ของเล่นสำหรับชูคุง

ชู: นั่นก็ใช่น่ะสิ นายก็เหมือนกันนะ ทาดาโอมิ

ทาดาโอมิ: ผมด้วย?

ชู: ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่อยู่ในหัวของนายทั้งหมด

ไม่นานผมจะเปิดเผยมันออกมาทั้งหมดเอง

ทาดาโอมิ: ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่ากลัวจัง

ชู: เฮอะ เอาเถอะ

คิกๆ ต่อไปจะไปเล่นกับใคร เล่นแบบไหนดีนะ (หัวเราะ)



M8.「Raison d'être」



(End)