วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567

Kimisute - [Event Story] GYROAXIA & εpsilonΦ: theōria ยามโพล้เพล้

KimiSute (Kimi ga mita Stage e)

official website: https://kimisute-game.jp


- ภายในเนื้อเรื่องอาจจะมีบทสนทนาของผู้เล่นในบทบาท Assistant Producer (ขออนุญาตย่อว่า AP) แม้จะไม่มีการระบุเพศไว้ แต่เนื่องจากมีการใช้คำพูดสุภาพ เลยจะขอลงท้ายเป็น ‘ครับ/ค่ะ’ ด้วยเช่นกัน

- หากมีตัวละครที่พูดภาษาถิ่น เราจะขอปรับเป็นภาษากลางเนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ

- บทแปลทั้งหมดเป็นการแปลส่วนตัวเท่านั้น

 

------


Event Story

GYROAXIA & εpsilonΦ: theōria ยามโพล้เพล้

ประเด็นที่น่าสนใจ: ปรัชญาเกี่ยวกับความชอบ ความสัมพันธ์ระหว่างเรออนกับทาดาโอมิ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 1


[ แชร์เฮาส์วง GYROAXIA ]


เรออน: เอ๊ะ คุณมิยูกิ

เร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย กลับมาถึงแล้วเหรอ?


มิยูกิ: บอกคนเขาว่า ‘ถึงแล้วเหรอ’ เนี่ย เวลาผ่านไปสักพักนึงแล้วนา

ฉันว่าจะชงกาแฟอยู่ เอาด้วยมั้ย?


เรออน: เย้ ดื่มด้วย ๆ

คอกำลังแห้งพอดีเลย


มิยูกิ: เอานี่ไป แล้ว ฝั่งนั้นไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?

เห็นหมกตัวในห้องมาตั้งแต่เช้าซะ


เรออน: ไปอ่านหนังสือที่สนใจมารวดเดียวจบน่ะ

เป็นหนังสือต้นฉบับของหนังที่เพิ่งฉายจบไปก่อนหน้านี้แหละ


เรออน: พอดีดูหนังแล้วสนุกเลยซื้อต้นฉบับมาด้วย

แต่ฉันอ่านแล้วสนุกกับฝั่งต้นฉบับมากกว่าละนะ


มิยูกิ: เรออนคุงชอบจริง ๆ นะเนี่ย

อ่านหนังสือที่ประเภทคนกำลังฮิตอยู่ช่วงนี้ ไรเงี้ย


เรออน: ก็ ส่วนตัวคิดว่าพอประมาณอยู่นะ

แต่ว่าเนี่ย ตอนนี้ฉันได้รับงานสัมภาษณ์นิตยสารมานี่


เรออน: เพราะมีธีมเป็น “ฤดูใบไม้ร่วงแห่งการอ่านและศาสตร์ศิลป์”

เลยว่าจะเตรียมตัวอย่างดีเสียหน่อย


มิยูกิ: อย่างนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้เรออนคุง

ไม่ค่อยจะชอบงานพวกสัมภาษณ์ไรงี้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วเนอะ


เรออน: ก็ตอนนั้นมันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดนตรีเลยนี่นา……

แต่ตอนนี้เราก็เป็นมือโปรกันแล้ว เลยคิดได้ว่าสิ่งนี้ก็เป็นงานเหมือนกันมั้งนะ


มิยูกิ: งี้เอง ๆ

ว่าไป คนที่ร่วมสัมภาษณ์ด้วยเป็นใครบ้างนะ?


เรออน: มาโตบะกับคุรามะน่ะ


เรออน: กับมาโตบะ แม้แต่ในมหาลัย ถ้าเจอกันฉันก็คุยอยู่บ้าง

แต่ฉันไม่ค่อยรู้จักตัวคุรามะเลยแหละ


มิยูกิ: อ่า--- ก็จริง

เราไม่ค่อยมีโอกาสไปเกี่ยวข้องกับพวกเอปซิสักเท่าไหร่นี่นะ


เรออน: ใช่ ๆ อีกอย่าง พูดถึงเอปซิเนี่ย

ก็มีอิมเมจว่าเป็นพวกทำเรื่องร้ายแรงในหลาย ๆ ความหมายด้วยนี่


เรออน: แล้วพอพูดถึงใบหน้าของเอปซิ หรือสิ่งแรกที่นึกถึง

คนที่โดดเด่นออกมาเลยก็คืออุจิคาว่าใช่มั้ยล่ะ?


มิยูกิ: ตรงนั้นนี่ คงเพราะอุจิคาว่าคุงที่เป็นโวคอล

ทำหน้าที่แต่งเนื้อร้องและทำนองด้วยละนะ


เรออน: อืม นอกจากนั้น สมาชิกคนอื่นก็ดูมีนิสัยเอาเรื่องอยู่

แต่ตัวคุรามะ กลับนึกถึงแต่ภาพเขาที่ยิ้มตลอดเวลาซะอย่างนั้น


มิยูกิ: เข้าใจเลย พออยู่ในกลุ่มสมาชิกอย่างนั้น

เลยเห็นว่าเป็นคนประเภทสงบคุยรู้เรื่องที่สุดเลยเนอะ


มิยูกิ: แต่เอาจริง เพราะเห็นกี่ทีเจ้าตัวก็ทำสีหน้าแบบเดียวกันตลอด

เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่ละนะ


เรออน: อีกอย่าง ถ้าอยู่ในเอปซิได้

ก็คงไม่สามารถเอาตรรกะแบบปกติไปคิดกับเขาได้เหมือนกัน


เรออน: เพราะฉะนั้น ฉันเลยคิดว่างานสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีเลยน่ะ

พวกเราสามคนจะมีฟีลคุยกันแบบไหน ฉันรู้สึกอยากตั้งตารอขึ้นมานิด ๆ เลยละ


มิยูกิ: ฮะ ๆ ดีนะเนี่ย

งานสัมภาษณ์นิตยสาร พยายามเข้าละ!


เรออน: อืม ขอบใจนะ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 2


[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


ทาดาโอมิ: นี่ คานาตะคุง

นายมีหนังสือที่ชอบหรือเปล่า?


คานาตะ: เอ๊ะ จู่ ๆ ไรนะ? ฉันไม่ค่อยได้อ่านหนังสือด้วยซี่~

คงจะนึกทันทีไม่ออกนะ


ทาดาโอมิ: อย่างนี้เอง

พอถูกถามเรื่องหนังสือที่ชอบ

ทุกคนจะลำบากใจในการตอบเหมือน ๆ กันหมดเลยรึเปล่านะ……


คานาตะ: ไรอะ ๆ ? มีใครมาถามอ้อ?


ทาดาโอมิ: ครั้งนี้ ผมได้รับงานสัมภาษณ์นิตยสารน่ะ

เพราะจะมีการถามถึงหัวข้อหนังสือที่ชอบ ผมเลยอยากคิดเตรียมคำตอบไว้ก่อน


คานาตะ: พวกนั้นอะ ตอบ ๆ แบบขอไปที

อย่างการเลือกหนังสือที่อ่านช่วงนี้ละรุ่นพี่คุรามะคิดว่าสนุกก็พอละนี่


คานาตะ: รุ่นพี่อ่านหนังสือเยอะกว่าฉันเพียบ

สบาย ๆ อะเปล่า?


ทาดาโอมิ: “หนังสือที่สนุก” คือ “หนังสือที่ชอบ” หรือเปล่านะ?

ผมอาจจะยังไม่เจอหนังสือที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นก็ได้


คานาตะ: อืม~ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ……

เอาเป็นว่า ลองไปหาที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ ดูมั้ย?


ทาดาโอมิ: ร้านหนังสือเหรอ…… อืม นั่นสินะ

ผมจะลองไปดู ขอบใจนะ



[ Shopping Mall ]


ทาดาโอมิ: ได้มาที่ร้านหนังสือที่นี่ครั้งแรกเลย

มีหนังสือวางขายอยู่เยอะจริง ๆ ด้วย……


ทาดาโอมิ: “ฮิตอันดับ 1 !” ……ถ้าเป็นผลงานที่ผู้คนมากมายกล่าวถึงกัน

คงจะมีปัจจัยที่ทำให้ผู้คน “ชอบ” มากถึงขนาดนั้นหรือเปล่านะ


ทาดาโอมิ: ลองอ่านดูดีกว่า

เอ๊ะ? คนนั้น……


ทาดาโอมิ: คุณมาโตบะ สวัสดีครับ


วาตารุ: เอ๊ะ? อ๋า คุรามะคุงเหรอ สวัสดี

หรือว่านายก็มาเตรียมตัวสำหรับงานเหรอ?


ทาดาโอมิ: ครับ ผมมาตามหา “หนังสือที่ชอบ” อยู่

คุณมาโตบะจะเลือกซื้อหนังสือแบบไหนมาหรือครับ?

ผมขอดูเพื่อใช้ในการอ้างอิงได้หรือเปล่าครับ


วาตารุ: ได้สิ แต่นี่เป็นงานอดิเรกของผมเอง

ไม่รู้ว่าจะเอาไปอ้างอิงอะไรได้ไหมนะ


ทาดาโอมิ: เรื่องนี้เป็นผลงานฝั่งตะวันตกที่โด่งดังมาตั้งแต่สมัยก่อนสินะครับ

หนังสือแปลสำนวนใหม่หรือครับ?


วาตารุ: อืม พอดีวันนี้เป็นวางขายพอดีด้วยน่ะ

ผมชอบผลงานแปลของนักเขียนคนนี้ เลยตั้งตารอเลยละ


ทาดาโอมิ: ที่คุณบอกว่า “ชอบ”

ไม่ทราบว่าตรงจุดไหนทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้นได้ครับ?


วาตารุ: นั่นสินะ…… พวกการเลือกใช้ถ้อยคำ ความอ่อนช้อย

ผมชอบบรรยากาศที่อบอุ่นนุ่มนวลพวกนั้นน่ะ


วาตารุ: นี่ คุรามะคุงไม่เคยรู้สึกเหรอ?

พวกความอุณหภูมิ กลิ่น หรือสี ที่อยู่ภายในถ้อยคำน่ะ


ทาดาโอมิ: อุณหภูมิ กลิ่น และสี…… หรือครับ

ผมไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นนะครับ

ถ้าหากผมอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้วจะรู้สึกถึงมันได้หรือเปล่าครับ?


วาตารุ: ผมไม่รู้ว่านายจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า……

ถ้านายสะดวก พอผมอ่านจบแล้วจะให้ยืมนะ ดีมั้ย?


ทาดาโอมิ: ไม่ครับ ไม่เป็นไร

ผมจะลองซื้อหนังสือแปลสำนวนใหม่เล่มนั้นด้วยครับ


ทาดาโอมิ: ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ

ขอบคุณมากครับ


วาตารุ: อ๊ะ อื้ม

แล้วเจอกันในวันสัมภาษณ์นะ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 3


[ สตูดิโอถ่ายแบบ ]


------ วันสัมภาษณ์จริง


เรออน: อรุณสวัสดิ์ครับ

วันนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ


ทาดาโอมิ: คุณมิโซโนะ อรุณสวัสดิ์ครับ


เรออน: อ้าว คุรามะนี่ ฉันว่าตัวเองมาถึงไวพอควรแล้วนะ

นึกว่าจะมาถึงเป็นคนแรกซะอีกนะเนี่ย


เรออน: เห็นนายมองไปทางสตาฟอยู่

นายมีเรื่องสงสัยอะไรรึเปล่า?


ทาดาโอมิ: ไม่ครับ ไม่มีเป็นพิเศษ

ผมแค่สังเกตการณ์เท่านั้นครับ


เรออน: หืม……? สังเกตการณ์ เราะ


เรออน: เอาเป็นว่า วันนี้ฝากตัวด้วยละ

ฉันตั้งตารอที่จะได้คุยกับนายอยู่หน่อยนึงเลยนะ


ทาดาโอมิ: อย่างนั้นหรือครับ?

แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคุณมิโซโนะเป็นพิเศษนะครับ……


เรออน: เพราะงั้นไงเล่า

ถ้าไม่มีงานครั้งนี้ เราคงจะไม่ได้มาคุยกันงี้ใช่มั้ยล่ะ?


เรออน: เพราะฉันไม่รู้ว่าคุรามะเป็นคนแบบไหนไง

ถ้าฉันรู้จักนายมากขึ้น ผ่านการทำงานนี้บ้างเล็กน้อยก็ดีน่ะ


ทาดาโอมิ: อย่างนี้นี่เอง ถ้าด้วยเหตุผลนั้น

ผมเองก็ตั้งตารอคอยกับงานในวันนี้เหมือนกันครับ


เรออน: โอ๊ะ จริงเรอะ?

ดนตรีที่เล่นกับคณะในมหาลัยก็ไม่เหมือนกัน

ก็เลยไม่ค่อยจะมีโอกาสที่จะเจอกันเท่าไหร่ละน้า


เรออน: นายรับงานนิตยสารบ่อยเหรอ?

ฉันนึกภาพนายกับงานแนวนี้ไม่ค่อยจะได้น่ะ


ทาดาโอมิ: จำนวนครั้งมีน้อยอยู่ แต่หากไม่มีงานอื่นเช่นไลฟ์

ผมก็จะรับงานมาครับ

ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วย


เรออน: งี้เอง


เรออน: (ว่าแล้วเป็นพวกน่าพิศวงจริง……

จะว่าเป็นพวกเรียบ ๆ ดี หรือว่าจะมองไม่เห็นใจจริงดี……)


วาตารุ: อรุณสวัสดิ์ครั------


วาตารุ: เหวอ ทั้งสองคนมาพร้อมหน้ากันแล้ว……!

หรือว่าผม จำเวลารวมตัวกันผิดเหรอ?


เรออน: สวัสดี มาโตบะ

เวลายังเหลือ ๆ เพราะงั้นสบายใจได้น่า


วาตารุ: โล่งไปที ผมก็ตั้งใจจะมาถึงที่ให้เร็วเลยตกใจเลยละ

เรออนคุง คุรามะคุง วันนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ


ทาดาโอมิ: ครับ ขอความกรุณาด้วยครับ


สตาฟงาน: เนื่องจากทุกคนมากันครบแล้ว

ขออนุญาตเริ่มอธิบายงานในวันนี้เร็วขึ้น------



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 4


[ สตูดิโอถ่ายแบบ ]


สตาฟงาน: ขอเริ่มการสัมภาษณ์เลยนะครับ

ธีมในครั้งนี้คือ “ฤดูใบไม้ร่วงแห่งการอ่านและศาสตร์ศิลป์”

ทุกท่านอ่านหนังสือบ่อยหรือเปล่าครับ?


วาตารุ: นั่นสินะครับ ผมเป็นคนชอบหนังสืออยู่แล้ว

คิดว่าเป็นคนที่อ่านหนังสือในปริมาณที่ค่อนข้างมากอยู่ครับ


วาตารุ: ในนั้นจะมีผลงานจากนักประพันธ์จากวรรณกรรมญี่ปุ่นและวรรณกรรมต่างชาติ

แต่ไม่มีเพียงแต่เรื่องราว ผมก็อ่านงานประเภทบทกวีเยอะเหมือนกันครับ


เรออน: มาโตบะมีหน้าที่แต่งเนื้อร้องนี่นะ

แสดงว่านายใช้งานเขียนบทกวีพวกนั้นมาอ้างอิงหรือเปล่า?


วาตารุ: จะว่าเป็นอ้างอิงไหมก็ คิดว่าอิมเมจจะใกล้เคียงกับคำว่า

ได้รับแรงบันดาลใจมามากกว่านะ


เรออน: อย่างนี้นี่เอง


เรออน: ผมเองก็ชอบอ่านหนังสือ เลยคิดว่าเป็นประเภทนักอ่านครับ

ช่วงนี้ผมอ่านหนังสือต้นฉบับของภาพยนตร์ที่กำลังฮิตกันอยู่


ทาดาโอมิ: ส่วนผม ไม่ทราบว่าจะสามารถพูดระดับจำนวนครั้งว่า “บ่อย” ได้หรือเปล่า

แต่ผมอ่านหนังสือแนวสืบสวน และหนังสือที่ได้รับมาจากสมาชิกในวงครับ


สตาฟงาน: อย่างนี้เอง เช่นนั้น ผมอยากขอให้ทุกท่านแนะนำหนังสือที่ชอบที่สุด

ในบรรดาหนังสือที่อ่านอยู่ช่วงนี้ด้วยครับ


เรออน: ครับ ของผมคือเล่มนี้

เป็นงานต้นฉบับของภาพยนตร์ แต่แตกต่างจากฉบับภาพยนตร์ตรงที่

เขียน 1 เรื่องราว เล่าออกมาในมุมมองที่หลากหลาย เลยอ่านสนุกครับ


เรออน: โดยเฉพาะส่วนที่เขียนถึงสภาพจิตใจของตัวละครภายในเรื่องได้ละเอียดอ่อน

ยิ่งอ่านไปเรื่อย ๆ ยิ่งค้นพบมุมมองใหม่ ๆ ทุกครั้ง จุดนี้แหละที่ดีเลย


วาตารุ: เห น่าสนุกจัง

ส่วนหนังสือที่ผมจะแนะนำ คือหนังสือรวมบทกวี

ในธีมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติอย่างท้องฟ้าครับ


วาตารุ: ตอนแรกผมคิดจะเอาหนังสืออีกเล่มมา

แต่ตอนไปห้องสมุดมหาวิทยาลัยเมื่อวาน สายตาผมกลับถูกสะกดไว้ที่เล่มนี้……


วาตารุ: พออ่านบทกวีนี้แล้ว ผมสัมผัสได้ว่าถ้อยคำแต่ละคำที่ร้อยเรียง

เปล่งประกายราวกับสมบัติ เลยรู้สึกวิเศษมากเลยครับ


ทาดาโอมิ: ตอนที่ผมเจอคุณที่ร้านหนังสือ คุณเคยพูดไว้ว่า

อ่านหนังสือที่มีการเลือกใช้ถ้อยคำ หรือมีบรรยากาศที่ชอบใช่มั้ยครับ


วาตารุ: ใช่แล้วละ ตอนนั้น คุรามะคุงก็เหมือนจะตามหาหนังสืออยู่

เจอบ้างหรือเปล่า?


ทาดาโอมิ: ครับ ผมซื้อหนังสือที่มีความนิยมอันดับ 1 ของร้านมา

วันนี้ผมเลยตั้งใจจะแนะนำหนังสือเล่มนั้นครับ


เรออน: อะ ฉันก็สนใจหนังสือเล่มนั้นอยู่ด้วย

คุรามะลองอ่านแล้ว ถูกใจจุดไหนบ้างล่ะ?


ทาดาโอมิ: เส้นเรื่องมีการหย่อนไว้ทั่วทุกหนแห่งผ่านการคำนวณอย่างละเมียดละไม

ในบทสุดท้ายของเรื่องก็ได้เล่าเก็บเรื่องราวเล่านั้นในคราวเดียว

เป็นกลการสร้างเรื่องที่มอบความสดชื่นและทำให้ยอมรับเหตุของเรื่องให้แก่ผู้อ่านได้ครับ


วาตารุ: อา ถ้าเป็นอย่างนั้นถ้าได้อ่านแล้วคงจะรู้สึกดีก็ได้

คุรามะคุงก็คิดว่าส่วนนั้นของเรื่องนี้มันสนุกหรือเปล่านะ


ทาดาโอมิ: คือว่า…… หนังสือได้รับคำกล่าวชมว่าดีจากผู้คนมากมายเพราะเป็นเรื่องยอดนิยม

ผมเข้าใจถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นได้ง่าย จึงคิดว่าเล่มนี้ดีครับ


ทั้งสองคน: อย่างนี้นี่เอง……?


เรออน: ก็นะ วิธีสนุกกับหนังสือแบบฉบับคุรามะ

ก็เป็นวิธีวิธีหนึ่งที่น่าจะสนุกกับการอ่านได้เหมือนกันละนะ


เรออน: แบบที่ไม่ได้เล่าถึงความรู้สึกหลังอ่านแค่ของตัวเอง แต่ประเมินว่าจุดไหนที่คนชื่นชม

หรืออย่างลิ้มรสการอ่าน รวมไปถึงการตอบรับจากผู้คนรอบข้างด้วย อะไรงั้น


เรออน: พอคิดงี้แล้ว นายน่าจะถนัดจับประเด็นเรื่องราวหรือสิ่งต่าง ๆ

ในมุมมองที่เป็นกลางมากเลยนะ


ทาดาโอมิ: ……!

อาจจะเป็นอย่างนั้นก็เป็นได้ครับ


ทาดาโอมิ: ผมยอมรับความคิดอ่านของตัวผมเองได้

เพราะการอธิบายของคุณมิโซโนะเลยครับ ขอบคุณครับ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 5


[ ร้านคาเฟ่ ]


------หลังจบในส่วนสัมภาษณ์


เรออน: แย่แฮะ ไม่มีที่นั่งว่างเลย


วาตารุ: ระหว่างรอการเตรียมกิจกรรมถัดไป

เราเลยอุตส่าห์ออกมาข้างนอก แต่ช่วงเวลานี้จะที่ไหนคนก็แน่นทั้งนั้นเลยเนอะ……


ทาดาโอมิ: พอรับเครื่องดื่มแล้ว

ควรกลับไปสตูดิโอเลยอาจจะดีกว่าก็ได้ครับ


เรออน: เอางั้นละกัน


เรียว: โอ้--- เรออน ตรงนี้ว่างอยู่น้า


เรออน: เอ๊ะ คุณเรียวนี่

แปลกใจแฮะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?


เรียว: เรามาตามหาคำใบ้เพื่อมอบความสุขให้ชาวโลก

พอเดินเล่นมาเรื่อย ๆ ก็เจอร้านนี้แหละ


ทาดาโอมิ: คำใบ้เพื่อมอบความสุขให้ชาวโลก หรือครับ……?

ทำไมคุณถึงคิดว่าร้านนี้จะมีคำใบ้ให้กับคุณเหรอครับ


เรียว: อืม……

เพราะคนที่ออกมา ทุกคนวิ้งวับไงล่า~


ทาดาโอมิ: ความวิ้งวับที่ว่าหมายถึง การเปล่งประกายหรือเปล่าครับ?

เมื่อเกิดประกายวิ้งวับ จะมีความสุขหรือครับ?


เรียว: วิ้งวับคือวิ้งวับนะ

พอประกายแสงว้า--บ ก็จะรู้สึกมีความสุข~ ใช่มั้ยล่ะ?


วาตารุ: ทำยังไงดีเรออนคุง……

บทสนทนาสองคนนี้ ไม่เข้าแข้งเข้าขากันสักนิด……


เรออน: จะมาบอกกับฉันงี้ก็เถอะ……


เรออน: แต่นี่ออกจะน่าสนุกดี

มามองดูพวกเขาไปกันสักพักเหอะ


(ตัดภาพ)


ทาดาโอมิ: จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณอาเคโบโนะ

ถึงอยากให้ชาวโลกมีความสุขหรือครับ?


เรียว: คือว่านะ เราน่ะนะ ถ้าเราไม่ทำให้ชาวโลกมีความสุข

เป็นการไถ่บาปที่ตัวเองก่อไว้ เราจะไม่ได้กลับดาวของตัวเองน่ะ


ทาดาโอมิ: เช่นนั้นแล้ว ชาวโลกสำหรับคุณอาเคโบโนะ…… หรือก็คือ

การทำให้ผู้คนมีความสุข เสมือนว่าเป็นโทษทัณฑ์ประเภทหนึ่งสินะครับ


เรียว: อืม แต่ว่านะ เราไม่รู้สึกเป็นทุกข์หรอกนะ~

พอได้เห็นรอยยิ้มดูมีความสุขของทุกคนแล้ว เราก็มีความสุขแหละ


ทาดาโอมิ: แม้จะเป็นการล้างบาป แต่คุณอาเคโบโนะมีความสุขสินะครับ

ถ้าอย่างนั้น สำหรับคุณอาเคโบโนะแล้ว

ความสุขเป็นของแบบไหนกันแน่หรือครับ?


เรียว: ความสุขน่ะ คล้ายกับดวงดาว

เราอยากให้ชาวโลกทุกคน เปล่งประกายเหมือนกับดวงดาว


ทาดาโอมิ: ดวงดาว……เปล่งประกาย……

ความสุข……


เรออน: สต๊อป สต๊อป!

คุณเรียว คุรามะตัวช็อตกำลังจะพังแล้ว


วาตารุ: ฮะฮะ แต่ว่า

“อยากให้ชาวโลกทุกคน เปล่งประกายเหมือนกับดวงดาว” เป็นรูปประโยคที่วิเศษนะ


วาตารุ: เขาพูดประมาณนี้เป็นประจำเหรอ?


เรออน: คุณเรียวเป็นอย่างนี้ประจำแหละ ช่วงที่เจอกันแรก ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าพูดอะไรอยู่

แต่ตอนนี้ฉันน่าจะชินขึ้นมาบ้าง มากพอที่จะรู้แล้วว่าเขากำลังพูดอะไร……มั้งนะ!


เรออน: เอาเถอะ ก็อาจจะไม่ได้เข้าใจเท่าคุณเคนตะละนะ


วาตารุ: พี่เข้าใจเหรอเนี่ย……


เรียว: เคนเคน มายเฟรนด์


ทาดาโอมิ: พวกคุณมิโซโนะ

ทำความเข้าใจสิ่งที่คุณอาเคโบโนะพูดได้อย่างดีเลยสินะครับ


เรออน: นั่นก็เพราะทำวงดนตรีด้วยกัน แล้วอาศัยอยู่บ้านเดียวกันน่ะสิ

คุรามะก็ไม่ใช่แบบนั้นเหรอ?


เรออน: เข้าใจพวกเอปซิมากกว่าพวกเราใช่มั้ยล่ะ?

นั่นเลยถึงรู้ พวกงานอดิเรก สิ่งที่ชอบ สิ่งที่เกลียด พวกนั้นด้วยไง


ทาดาโอมิ: นั่นสินะครับ จริงอยู่ที่หากผมสังเกตการณ์ทุกคน

แล้วถามคำถามก็จะได้รู้สิ่งนั้น แต่ว่า……



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 6


[ ร้านคาเฟ่ ]


ทาดาโอมิ: แต่ว่า ทุกคนคิดยังไงกันนะ……?

รู้จักสิ่งที่ผมชอบ สิ่งที่ผมเกลียดหรือเปล่านะ


เรออน: นายก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเป็นพิเศษใช่มั้ยล่ะ?

หรือว่าไม่ค่อยได้คุยเรื่องพวกนี้กันเรอะ?


ทาดาโอมิ: คือว่า…… เดิมทีแล้วตัวผมเอง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองชอบคืออะไร

หากมีใครถามมา ผมก็ไม่สามารถให้คำตอบได้น่ะครับ


เรออน: เอ๊ะ งั้นวงดนตรีนี่ล่ะ? เล่นถึงขั้นขึ้นเป็นมือโปรแล้ว

แสดงว่านายชอบดนตรีถึงเล่นวงดนตรีอยู่ไม่ใช่เรอะ?


ทาดาโอมิ: คุณมิโซโนะ ชอบดนตรีเลยอยู่ในวงดนตรีสินะครับ

ถ้าอย่างนั้น ผมอาจจะแตกต่างจากคุณอยู่เล็กน้อยก็เป็นได้ครับ


ทาดาโอมิ: ชูคุงบอกผมมาว่า หากเป็นดนตรีแล้ว ผมอาจจะได้รับสิ่งที่ผมปรารถนามาก็ได้

เลยเริ่มเล่นวงดนตรีครับ


เรออน: แต่ที่นายเล่นต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้เนี่ย

ฉันว่ามันแสดงถึงเรื่องที่นายชอบดนตรีไม่น้อยเลยนะ……


ทาดาโอมิ: การที่ผมสามารถทำบางสิ่งได้อย่างต่อเนื่อง

สามารถคิดได้ว่าเป็นเพราะผมมีความสนใจในสิ่งนั้นอยู่เรื่อยมาได้ก็จริง

แต่ว่า สิ่งนั้นจะเรียกว่า “ความชอบ” ได้หรือครับ?


เรออน: อืม--- พอนายพูดงั้นแล้วยากเลยแฮะ……

อ๊ะ งั้น คณิตศาสตร์ล่ะ? รู้สึกว่านายจะเรียนเอกคณิต​ฯ ใช่มั้ย?


เรียว: อืม บางครั้งเราก็เขาเห็นตอนอยู่ในมหาลัยแหละ~

ทาดาโอมิคุงน่ะ มักจะเขียนสมการตัวเลขที่ย๊าวยาวในเซกชั้นเรียนเนอะ


ทาดาโอมิ: ครับ แต่ว่า เรื่องที่ผมเรียนเอกในมหาวิทยาลัยกับสิ่งที่ชอบ

มันมีความเชื่อมโยงกันอย่างไรหรือครับ……?


เรออน: เดี๋ยวสิ ก็เนี่ย ถ้านายเลือกเรียนสิ่งนี้ในมหาลัย

ฉันเลยคิดว่านายน่าจะชอบคณิตฯ หรือเปล่านะ น่ะสิ


ทาดาโอมิ: ผมไม่เข้าใจว่ามันคือความชอบหรือเปล่า

แต่ผลการสอบของผมออกมาดี เลยเรียกว่าเป็นสาขาวิชาที่ถนัดได้ครับ

ดังนั้น ผมจึงเลือกไปสาขาวิชาคณิตศาสตร์


เรออน: นายพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นสุด ๆ ไปเลยนะ……

ถ้างั้น ในชั้นเรียนเอกคณิต ฯ นายเรียนอะไรมาบ้างล่ะนั่น


ทาดาโอมิ: ผมอยู่ปี 1 จึงเรียนเรื่องพื้นฐานน่ะครับ

อย่างเช่น แคลคูลัส พีชคณิตเชิงเส้น เซตและแผนภาพ เป็นต้น


วาตารุ: ผมรู้จักแต่แคลคูลัสแฮะ……


เรออน: ไหนลองค้นดู ……โห ดูเข้าใจยากมาก ๆ เลย

ตอนที่คุรามะเรียนเรื่องนี้ นายกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ?


ทาดาโอมิ: ผมทั้งคิดทั้งประกอบวิธีการคำนวณต่าง ๆ 

หรือทรษฎีที่สามารถใช้ได้เพื่อหาคำตอบ

สัมผัสรู้สึกจะคล้ายคลึงกับตอนค่อย ๆ ไขปริศนาอย่างเงียบ ๆ ละมั้งครับ


ทาดาโอมิ: พอสามารถหาคำตอบได้ โดยใช้สมการคณิตศาสตร์หลากหลายแบบ

ผมจะรู้สึกถึงความสำเร็จด้วยครับ


เรออน: ถ้าอย่างนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่า

นายชอบเพราะสนุกกับการไขสมการเรอะ?


ทาดาโอมิ: ตัวผม ชอบหรือครับ……?


เรออน: ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น นายคงไม่คุยด้วยท่าทางสนุกงี้หรอกน่า?


ทาดาโอมิ: ผม แสดงสีหน้าราวกับว่าสนุกไปหรือครับ?


เรียว: อื้ม เมื่อกี้ดูท่าทางสนุกจริง ๆ นะ

วิ้งวับ~ ด้วยแหละ


วาตารุ: ผมเองก็น่าจะเห็นเป็นอย่างนั้นเหมือนกันนะ


ทาดาโอมิ: อย่างนี้นี่เอง…… คุณมิโซโนะ ขอบคุณมากครับ

เพราะคุณ ผมเลยสามารถรู้จักสิ่งที่ตัวเองชอบขึ้นมาอีก 1 อย่างเลยครับ


เรออน: ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องที่ถึงขั้นต้องมาขอบคุณกันขนาดนั้นหรอก

เอาเถอะ ฉันดีใจที่เหมือนจะเป็นประโยชน์กับคุรามะได้นะ


(เสียงตบดัง)


วาตารุ: เหวอ ตกใจหมดเลย……!

เกิดอะไรขึ้น……?


เรียว: ……อะ โต๊ะตรงนั้นหรือเปล่านะ

ดูเหมือนว่าผู้ชายกับผู้หญิงตรงนั้นจะเริ่มทะเลาะกันแหละ




theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 7


[ ร้านคาเฟ่ ]


เรออน: ย-ยอดเลยแฮะ……

นี่ว่าพวกเรานั่งห่างจากโต๊ะตรงนั้นมาบ้างแล้ว แต่ได้ยินเสียงมาจนถึงตรงนี้เลย


ทาดาโอมิ: นั่นสินะครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะครับ?

เผยความรู้สึกออกมาให้เห็นชัดเจนขนาดนั้น……


วาตารุ: อืม---...... ทะเลาะกันหนักมากขึ้นแล้วด้วยสิ

จากที่ได้ฟังบทสนทนา น่าจะเป็นคู่รักกันหรือเปล่านะ


ทาดาโอมิ: ดูจากวิธีการเรียกชื่อของกันและกันแล้ว ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกันด้วยสินะครับ

ดูเหมือนว่าจะแสดงความคิดเห็นกันอย่างหนักหน่วง

ในเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนในสังคมนะครับ


เรออน: ก็นะ ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วยสิ

ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเลย


เรียว: ถ้าพูดคุยกันแล้วจะมีความสุขก็คงเป็นเรื่องดีอยู่หรอก……


ทาดาโอมิ: ถ้าอย่างนั้น ผมจะเดินไปถามสองคนนั้นดูนะครับ

หากเข้าใจความคิดของแต่ละฝ่าย อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นก็เป็นได้


(เสียงเดินออก)


เรออน: เอ๊ะ!? เดี๋ยวๆๆๆ รอก่อน!


วาตารุ: เรื่องแบบนี้เนี่ย ผมไม่คิดว่าคนนอกแบบพวกเรา

จะเข้าไปพูดอะไรกับพวกเขาได้นะ……!


ทาดาโอมิ: ทำไมล่ะครับ?


เรออน: ก็อาจจะมีเรื่องอื่นที่พวกเราไม่รู้อยู่ด้วยก็ได้ไง?

และคงจะไม่พูดเหตุผลที่เป็นต้นเหตุที่มีปากเสียงกันให้คนแปลกหน้าอย่างนายฟังด้วย


ทาดาโอมิ: มันจะเป็นแบบนั้นสินะครับ

ซับซ้อนจริง ๆ ด้วย


เรียว: ทาดาโอมิคุง มีความสนใจล้นเหลือในเรื่องที่หลากหลายดีนะ

นายไปเดินถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ กับใครสักคนแบบนี้อยู่บ่อย ๆ เหรอ?


ทาดาโอมิ: ครับ ในเวลาว่าง ผมไปสังเกตการณ์ผู้คนที่เดินอยู่บนท้องถนน

และไปถามเรื่องราวกับผู้คนอยู่บ่อยครับ


เรออน: จะว่าไปแล้ว ในวันนี้เอง นายก็บอกไว้ว่า

กำลังสังเกตการณ์สตาฟของงานอยู่นี่นะ


วาตารุ: เห เป็นอย่างนั้นนี่เอง

งานอดิเรกคือการสังเกตการณ์ผู้คน……สินะ


ทาดาโอมิ: หากคิดถึงจำนวนครั้งที่มากแล้วละก็

อาจจะเรียกว่าเป็นงานอดิเรกก็ได้ครับ


ทาดาโอมิ: ผมใช้วิธีการสังเกตการณ์มนุษย์ เพื่ออยากรู้ว่า

เมื่อผู้คนอยู่ในสถานการณ์นี้แล้วจะแสดงอารมณ์แบบไหนออกมา

……รวมถึงตัวของผมเองด้วย


เรออน: เพราะงั้นเมื่อกี้นี้ นายถึงบอกว่า

ไม่ค่อยเข้าใจว่าชอบหรือไม่ชอบสินะเนี่ย


ทาดาโอมิ: ครับ เมื่อสักครู่ คุณบอกว่าผมถนัดจับประเด็นเรื่องราวหรือสิ่งต่าง ๆ ในมุมมองที่เป็นกลาง

แต่ผมมองว่าคุณมิโซโนะต่างหากที่ถนัดเรื่องนี้นะครับ


เรออน: งั้นเหรอ? แต่ก็นะ ฉันเรียนเอกปรัชญาในมหาลัยน่ะ

ฉันทำอะไรแนวนั้นเป็นประจำเลยละ


เรออน: อะ หรือว่านี่ คุรามะ

ถ้านายถอดสมการออกมาทีละอย่าง ๆ เหมือนที่นายพูดถึงเรื่องคณิต ฯ เมื่อกี้นี้

นายน่าจะสามารถทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนได้นี่?


เรออน: ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันสามารถอธิบายได้ ฉันก็จะตอบ

พอเป็นแบบนี้แล้วนายน่าจะเข้าใจง่ายขึ้นมานิดนึงนะ


ทาดาโอมิ: ขอบคุณครับ

ผมจะลองดูครับ


วาตารุ: ไขอารมณ์ความรู้สึก คลายออกมาทีละอย่าง ๆ งั้นเหรอ

ผมไม่เคยคิดในแง่นี้เลย รู้สึกสดใหม่อยู่นะเนี่ย


เรออน: ใช่ ๆ แล้วปลายทางหลังจากนั้น

นายอาจจะรู้สึกตัว ถึงอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ อย่างความชอบก็ได้นะ


เรียว: และสิ่งนั้นคือ รูปแบบสมการของความชอบสินะ~

สมแล้วที่เป็นเรออน


ทาดาโอมิ: ทุกคน ขอบคุณมากครับ

ใกล้จะถึงเวลาแล้ว กลับไปถ่ายทำงานกันต่อดีมั้ยครับ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 8



[ สตูดิโอถ่ายแบบ ]


------หลังพักเบรก


สตาฟงาน: ทุกท่านครับ ขออภัยที่ต้องให้รอ!

ทางทีมงานเตรียมของครบแล้ว เรียนเชิญทางนี้เลยครับ


เรออน: ต่อไปนี่ คือกิจกรรมวาดรูปที่ชอบสินะ

พวกอุปกรณ์วาดรูปหรือพู่กัน มีครบครันอย่างกับมืออาชีพเชียว


วาตารุ: อะฮะ ๆ จริงด้วย

พวกเราถูกคาดหวังให้วาดภาพอะไรที่สุดยอดออกมาหรือเปล่าเนี่ย?


ทาดาโอมิ: คือว่า เรื่องหัวข้อ--- “สิ่งที่ชอบ” น่ะครับ

ผมควรจะทำยังไงดีนะ


เรออน: พอบอกให้วาดสิ่งที่ชอบแบบกะทันหันงี้

มันก็จะคิดอะไรไม่ออกนั่นละนะ……


เรออน: จริงสิ งั้นรูปหน้าเหมือนของกันและกันล่ะ?

ให้ทั้ง 3 คน นั่งหันมุมที่สามารถมองใบหน้าของอีกฝ่ายได้

วาดรูปเรียงตามด้านขวาที่ใกล้สุดของฝั่งเรางี้


วาตารุ: อื้ม น่าจะดีนะ

ถ้าได้วาดไปมองไป อาจจะออกมาดีก็ได้


ทาดาโอมิ: เข้าใจแล้วครับ

ถ้าอย่างนั้น ผมจะวาดภาพเหมือนของคุณมาโตบะนะครับ


(ตัดภาพ)


เรออน: สุดยอด….. เก่งชะมัดเลย คุรามะ

เหมือนมาโตบะอย่างกับรูปถ่ายแน่ะ


วาตารุ: เนอะ วาดกระทั่งส่วนที่เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ

ที่บอกว่าคอยสังเกตการณ์มนุษย์อยู่เสมอก็รู้สึกสมเหตุสมผลขึ้นมาเลย


ทาดาโอมิ: ขอบคุณครับ

ภาพวาดของคุณมาโตบะเองก็ราวกับภาพประกอบในหนังสือนิทาน ผมคิดว่าเก่งมากเลยครับ


เรออน: อา สิ่งนี้สินะที่เรียกว่า Super Deformed (SD) ?

พอคิดว่านี่เป็นรูปเหมือนของตัวเอง รู้สึกจะน่ารักเกินไปหน่อยนะ


วาตารุ: ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนมาชมผมหรอก……

ผมรู้ตัวดีว่าวาดออกมาไม่ค่อยดี


วาตารุ: ภาพวาดของเรออนคุง

ดึงความดีของภาพแนวซิมเปิ้ลออกมาได้เยอะเลย ผมชอบนะ


เรออน: อ่า---...... อืม ขอบใจนะ

ฉันไม่ถนัดวาดพวก เสื้อผ้า ทรงผม น่ะ


เรออน: แต่ว่าไปแล้ว ตอนฉันวาดก็คิดอยู่นะ

ว่าสีหน้าของคุรามะเนี่ย ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ


เรออน: ตอนนี้ก็เหมือนกัน แสดงสีหน้าคลี่ยิ้มออกมาอย่างเดิม

แน่นิ่งเป๊ะ ๆ ไม่ขยับเขยื้อนจนฉันตกใจเลยละ


วาตารุ: พอพูดแล้วก็อาจจะเป็นอย่างนั้นเลยแฮะ พอพูดถึงเรื่องนี้

ฝั่งเรออนคุง เปลี่ยนสีหน้าคลุกคลักไปมา ตลกมากเลยละ


วาตารุ: เข้าใจได้ง่ายเลย ว่าตอนนี้กำลังลำบากใจอยู่นิดหน่อย

หรือกังวลว่าจะวาดออกมาได้ดีหรือเปล่า พวกนี้


เรออน: จริงปะเนี่ย……

ฉันไม่รู้ตัวเลย เริ่มอายขึ้นมาแล้วแฮะ


ทาดาโอมิ: ผมคิดว่า คุณมาโตบะมีการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าที่มากกว่าคุณมิโซโนะนะครับ


วาตารุ: เอ๊ะ จริงเหรอ?

หวา ผมตั้งใจจะตีสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้วาดกันได้ง่าย ๆ แท้ ๆ นะ---


ทาดาโอมิ: (มองจากท่าทางของทั้งสองคนแล้ว ดูเหมือนว่าคนธรรมดา

จะแสดงสีหน้าเดิม ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานได้ยาก)


ทาดาโอมิ: ……ต้องระวังกว่านี้แล้ว


เรออน: หืม? เมื่อกี้พูดอะไรรึเปล่า?


ทาดาโอมิ: เปล่าครับ ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยครับ



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 9



[ สตูดิโอถ่ายแบบ ]


------หลังพักเบรก


สตาฟงาน: งานถ่ายแบบของคุณมิโซโนะจบลงเท่านี้ครับ

ต่อไปจะเป็นคิวของคุณคุรามะ กรุณารอสักครู่นะครับ


ทาดาโอมิ: รับทราบครับ

คุณมิโซโนะ ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยครับ


เรออน: เหมือนกันนะ

อ้าว มาโตบะล่ะ?


ทาดาโอมิ: ดูเหมือนว่าจะใกล้ถึงเวลานัดของอีกงานหนึ่ง

เมื่อสักครู่ก็เลยขอตัวออกไปก่อนน่ะครับ


เรออน: เห หมอนั่นก็ยุ่งเหมือนกันนะเนี่ย


เรออน: จากนี้ฉันว่าง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ

ขอดูงานถ่ายแบบของนายต่อไปทั้งอย่างนี้แล้วกัน


(ตัดภาพ)


เรออน: ธีมถ่ายแบบของนาย รู้สึกว่าจะเป็นภาพวาดใช่มั้ย?


ทาดาโอมิ: ครับ ผมจะถ่ายแบบโดยมีพื้นหลังเป็นภาพวาดที่ประดับอยู่ตรงนี้

อย่างผลงานนี้ คือภาพวาดที่วาดเมื่อประมาณ 300 ปีก่อน


เรออน: เห ผ่านมาขนาดนั้น ภาพยังสวยได้ขนาดนี้

ดูเหมือนจะแสดงสีหน้าโศกเศร้าอยู่ ผู้วาดอยากจะสื่ออะไรกันแน่นะ


ทาดาโอมิ: สีหน้าโศกเศร้าหรือครับ?

สำหรับผม ผมมองว่าเป็นสีหน้ายิ้มอย่างแผ่วเบาอยู่

หรือว่าการรับรู้ของผม เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?


เรออน: ไม่หรอก พอนายพูดงี้ ฉันก็เริ่มมองว่าภาพนี้กำลังยิ้มได้เหมือนแฮะ……

เป็นภาพวาดที่พิศวงดีนะ


ทาดาโอมิ: บางทีก็มีเรื่องที่การตระหนักรับรู้ของเรา

จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลสินะครับ


เรออน: ไม่น่านา ฉันคิดว่าออกจะมีบ่อยครั้งเลยละ

อย่างคนที่เราคิดว่าเขากำลังยินดี แต่ในใจกำลังโกรธอยู่……

เนี่ย ก็เหมือนคู่รักเมื่อกี้นี้เลยไง


เรออน: ตอนเรามองจากข้าง ๆ ก็เห็นแค่ว่าพวกเขากำลังโกรธกันอยู่

แต่ที่จริงพวกเขาอาจจะโต้เถียงกันเพราะความชอบที่มีให้อีกฝ่ายเหมือนกันก็ได้


เรออน: ตอนวาดภาพเหมือนก็ด้วย พวกเราคิดว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่แท้ ๆ

แต่นายบอกว่าสีหน้าเราเปลี่ยนไปมาใช่มั้ยล่ะ?


ทาดาโอมิ: อ้า อย่างที่คุณมิโซโนะพูดเลยครับ

ข้อสงสัยของผม คลี่คลายไปอีก 1 อย่างแล้วครับ



ทาดาโอมิ: ความรู้สึกที่พวกเรามองเห็น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกดึงออกมาราวกับภาพวาดนี้

และสิ่งที่เราสังเกตจากมุมมองภายนอก ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสินะครับ


ทาดาโอมิ: (ปรากฎการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากการพัวพันกันมากมาย

ราวกับสมการคณิตศาสตร์อันซับซ้อน)


ทาดาโอมิ: (เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากรู้จักจิตใจของมนุษย์

อยากรู้จักอารมณ์ความรู้สึกหรือเปล่านะ สิ่งนี้ หรือว่าจะเป็น……)


ทาดาโอมิ: ผมอาจจะได้ค้นพบสิ่งที่ผมชอบขึ้นมาอีกอย่างแล้วก็ได้ครับ

เป็นเพราะความช่วยเหลือของคุณมิโซโนะเลยครับ


เรออน: เอ๊ะ?

เอ่อ ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ แต่ดีใจด้วยนะ



------หลังการถ่ายแบบเสร็จ


ทาดาโอมิ: คุณมิโซโนะ ขอบคุณสำหรับวันนี้มากเลยครับ


เรออน: อา เหนื่อยหน่อยนะ

ถ้าได้เจอกันที่งานอื่นที่ไหนอีก ก็ฝากตัวด้วยละ


ทาดาโอมิ: ทางนี้ต่างหาก ขอความกรุณาด้วยครับ

หากไม่เป็นการรบกวน ผมขอแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อได้หรือเปล่าครับ?


เรออน: ได้สิ เอ้านี่ ของฉัน

พอแอดแล้ว ส่งข้อความสักอย่างมาหาฉันด้วยละ


ทาดาโอมิ: ผมส่งไปแล้วครับ ตรวจสอบได้หรือเปล่าครับ?


เรออน: โอเค ฉันแอดของนายไปละ

ถ้างั้นไว้เจอกันใหม่นะ!


ทาดาโอมิ: ครับ แล้วเจอกัน



theōria ยามโพล้เพล้ --- ตอนที่ 10


[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


------หลายสัปดาห์ถัดมา


เรย์จิ: ตัวอย่างนิตยสารของงานที่นายไปถ่ายมา ส่งมาถึงแล้วนะ


ทาดาโอมิ: ขอบใจนะ จะว่าไปแล้ว

ในวันนั้น ผมได้พูดคุยหัวข้อน่าสนใจเยอะแยะเลย


ทาดาโอมิ: อย่างเรื่องการสังเกตการณ์มนุษย์ เรื่องศิลปะและปรัชญา

เรื่องของความรู้สึกที่อยากรู้ เชื่อมโยงไปถึงความชอบ……


ทาดาโอมิ: นี่ หรือว่าที่จริงแล้วตัวผม ชอบเอปซิทุกคนเลยหรือเปล่านะ?


เรย์จิ: หา? เฮ้ย จู่ ๆ นายเป็นอะไรไป


ทาดาโอมิ: (ผมรู้สึกสนุกเวลามองทุกคน การที่คิดว่าอยากรู้จักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

จะหมายถึง ความรู้สึกแบบนั้น……?)


ทาดาโอมิ: (ถ้าเป็นคุณมิโซโนะ อาจจะช่วยบอกวิธีคิด หรือมุมมองใหม่ ๆ

ที่แตกต่างจากเรย์จิคุงไปอีกแบบก็ได้)


ทาดาโอมิ: ไว้ลองไปถามหลาย ๆ เรื่องกับเขาดูดีกว่า


เรย์จิ: ก็แล้วมันหมายความว่ายังไงเล่า……



[ แชร์เฮาส์วง GYROAXIA ]


มิยูกิ: โอ๊ะ นั่นของที่ได้รับจากงานที่เรออนคุงรับมานี่

ตัวอย่างนิตยสารส่งมาแล้วสิเนี่ย ขอดูหน่อยสิ


เรออน: เหวอ เดี๋ยว ๆ !


มิยูกิ: ไม่เห็นจะเป็นไรนี่

รูปถ่ายนี้เองก็ถ่ายออกมาได้ดูดีเชียวเลยแน่ะ?


มิยูกิ: พอมองงี้แล้ว ให้อารมณ์แบบหนุ่มอักษรผู้เงียบขรึมจริงจังดีนะ

ดูไม่เหมือนเรออนคุงตอนปกติเลย


เรออน: อะไรเล่า นั่น

จะบอกว่าปกติฉันขี้โวยวายรึไง!


มิยูกิ: แหม ฉันเปล่าพูดงั้นสักหน่อย

แค่จะบอกว่าพอใส่แว่นแล้ว ภาพลักษณ์ดูเปลี่ยนไปเลยน้า น่ะ


เรออน: พอได้แล้วน่า

ฉันจะเก็บแล้ว เอามา


มิยูกิ: ทำไมถึงทำตัวอยากซ่อนอะไรขนาดนั้น------

อ๊ะ หรือว่าคืออันนี้?


มิยูกิ: กิจกรรมภาพวาดหน้าเหมือน เนอะ

ภาพที่เรออนคุงวาด ดูดีเป็นเอกลักษณ์ออก


มิยูกิ: ไม่ได้วาดออกมาแย่เลยนะ ดีนี่

อย่างน้อยก็วาดออกมาเก่งกว่านายุตะนะ


เรออน: ……พอเทียบกับนายุตะแล้วแบบ

อย่างน้อย เอาไปเทียบกับคุณเรียวได้มั้ย


มิยูกิ: แต่จะว่าไป คุรามะคุงเนี่ย วาดรูปเก่งเลยนะ

พอมองรูปข้าง ๆ กันแล้ว ชักจะรู้สึกหวั่น ๆ ใจขึ้นมาเหมือนกันงี้


มิยูกิ: แล้ว ลองคุยกับคุรามะคุงแล้วคิดว่าไงล่ะ?

เป็นฟีลหนุ่มน้อยสงบเสงี่ยมแบบภายนอกจริงรึเปล่า?


เรออน: อืมม จะว่าไงดี

พิศวงในหลาย ๆ ความหมาย แต่เป็นคนที่น่าสนใจดีนะ


มิยูกิ: เห อย่างนั้นเหรอ

ถ้าเจอกันครั้งหน้า ฉันจะลองทักไปดูดีมั้ยน้า


เรออน: อื้ม จากนั้นนายก็น่าจะโดนยิงคำถามหลาย ๆ เรื่องเลยแหละ

หมอนั่น ดูจะมีงานอดิเรกเป็นการถามเรื่องราวของคนอื่นน่ะ


เรออน: (จริงสิ ไหน ๆ ก็แลกช่องทางติดต่อกันไว้

ฉันเองก็ลองถามดูดีกว่า ว่านายเจอสิ่งที่ชอบแล้วรึยัง น่ะ)



(จบ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น