วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564

AAside - [Event Story] εpsilonΦ & Fantôme Iris: in the rain

Event Story - εpsilonΦ & Fantôme Iris: in the rain AAside official website: https://aaside.bushimo.jp

บทแปลทั้งหมดเป็นการแปลส่วนตัวเท่านั้นค่ะ

เราเลือกแปลภาษาถิ่นของตัวละครเป็นภาษากลางทั้งหมดนะคะ

 

------


Event Story

εpsilonΦ & Fantôme Iris: in the rain

ประเด็นที่น่าสนใจ: ตัวตนและอดีตของเรย์จิ, Interact เรย์จิ กับ จุน




Prologue - in the rain



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


เรย์จิ: ออกไปข้างนอกก่อนล่ะ


ทาดาโอมิ: ตอนนี้หรอ? ฝนตั้งท่าว่าจะตกนี่นา…


เรย์จิ: ฉันมีประชุมหลังจากนี้น่ะ


ทาดาโอมิ: งั้นหรอ… ถ้าฝนตกไม่หนักมากก็คงดีเนอะ

เรย์จิคุง ดูจะไม่ค่อยชอบฝนนี่


เรย์จิ: … ฉันแค่ไม่สะดวกใจกับความชื้นที่ติดตัวเฉยๆ

ไม่ได้ไม่ชอบอะไรหรอก

ถ้าเดินออกไป ฝนจะก็เปื้อนแขนเสื้อด้วย

ไม่น่ามีมนุษย์คนไหนที่ชอบสักเท่าไหร่หรือเปล่า


ทาดาโอมิ: อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้เนอะ


เรย์จิ: … ถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวกลับมา


(ตัดฉาก)


[ บนถนน ]


(เสียงน้ำกระฉอก)


เรย์จิ: ชิ… น้ำเข้าในไปรองเท้าแล้ว

(ฉันควรจะเรียกแท็กซี่กลับ ก่อนฝนจะตกหนักแบบนี้สินะ)


(เสียงเดินลุยน้ำ)


เรย์จิ: หืม?


จุน: แฮ่ก… แฮ่ก…


เรย์จิ: (นั่น สุซากิ จุน จาก Fantôme Iris… วิ่งโดยไม่พกร่มงั้นหรอ)

(ไม่น่าเชื่อ ช่วงบ่ายจะมีอัตราฝนตกอยู่ที่ 90% ไม่ได้ตรวจสอบพยากรณ์ก่อนออกมาข้างนอกงั้นหรอ?)


จุน: หวา!!


(เสียงน้ำกระเด็น)


จุน: จ เจ็บๆ… มาหกล้มเพราะกระป๋องในที่แบบนี้มัน…. โชคร้าย....


เรย์จิ: .... ไม่น่าเชื่อจริงๆ ล่ะนะ


จุน: เอ๊ะ?

อ้าว... นายคือ…


เรย์จิ: มือกลอง εpsilonΦ คาราสึมะครับ

อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่ได้โปรดใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ด้วยนะครับ


จุน: … เอ๊ะ?


(ตัดฉาก)


เรย์จิ: แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวไม่พอสินะครับ


จุน: อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ


เรย์จิ: มีแผลตรงไหนหรือเปล่าครับ? เห็นคุณหกล้มค่อนข้างแรงทีเดียว


จุน: ไม่เป็นไรเลย… เป็นโชคร้ายของฉันประจำน่ะ


เรย์จิ: … อย่างนั้นหรือครับ


เรย์จิ: เห็นคุณไม่พกร่มออกมา ลืมพกงั้นหรอครับ?


จุน: คือว่า… ฉันวางร่มในที่เก็บร่มของร้าน พอซื้อของเสร็จออกมา

เหมือนจะมีใครเข้าใจผิดแล้วหยิบมันออกไป

คิดว่าช่วยไม่ได้ก็เลยตั้งใจซื้อร่มใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ

แต่ของก็ดันหมดซะก่อน…

แล้วฉันก็เห็นป้ายร้านสะดวกซื้อที่ฝั่งนู้น เลยรีบวิ่งไป--


เรย์จิ: และสะดุดล้มกับกระป๋องเปล่า อย่างนี้สินะครับ


จุน: อะ อืม…


เรย์จิ: หาซื้อร่มด้วยสภาพเช่นนี้ จนน้ำฝนเปียกเลอะเสื้อได้ขนาดนั้น

กลายเป็นว่าถ้าใช้ขนส่งสาธารณะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่านะครับ?

รู้สึกว่าแชร์เฮาส์ของแฟนธ่อมจะอยู่ที่อิเคะบุกุโระ

หรือว่า คุณตั้งใจจะเดินกลับจากที่นี่หรือครับ?


จุน: จ-จะให้เดินจากตรงนี้ก็ลำบากเกินไปเนอะ… ไกลเกินด้วย… อะฮะๆ…


เรย์จิ: เฮ้อ…


เรย์จิ: (...ชักปวดหัวขึ้นมาแล้วสิ)


-------------


ตอนที่ 1 - in the rain



[ บนถนน ]


เรย์จิ: (รูปลักษณ์ที่เห็นบนเวทีเป็นคนละคน แต่ว่า

นี่คือธาตุแท้ของชายคนนี้จริงๆ หรือว่าจะเป็น---)

(... ลองขุดคุ้ยดูดีกว่า)


จุน: ค-คือว่า… ทำไมถึงจ้องหน้ากันขนาดนั้นน้า~… แบบว่า คิดในใจ....


เรย์จิ: ขอโทษที่เสียมารยาทครับ

ผมคิดว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสุซากิสักเล็กน้อยอยู่พอดี


จุน: เอ๋.... ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ…?


เรย์จิ: คุณสุซากิ รับหน้าที่ประพันธ์เพลงให้กับ Fantôme Iris สินะครับ

คุณเป็นคนที่สร้างบทเพลงที่แสดงภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวเช่นนั้นออกมาได้อย่างงดงาม

ในฐานะเป็นผู้ที่ร่วมงานเฟสด้วยกัน ย่อมรู้สึกสนใจอยู่แล้วครับ

หากคุณไม่ติดอะไร ขอเวลาคุยด้วยกันสักเล็กน้อยจะได้หรือเปล่าครับ?



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


จุน: ไหงกลายเป็นงี้ไปได้…

ห้องหรูหราเกินไม่เห็นจะเข้าใจเลย

เฟอร์นิเจอร์ก็ดูแพงไปหมดจนไม่กล้าจับอะไรเลย… ฮือ…


เรย์จิ: คุณสุซากิ ผ้าเช็ดตัวครับ


จุน: อะ ขอบใจนะ


เรย์จิ: ถ้าคุณสะดวก จะยืมเสื้อผมก็ได้นะครับ…


จุน: เอ๊ะ!? ไม่ๆๆๆๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยนะ!


เรย์จิ: ถ้าอย่างนั้น เพื่อไม่ให้เป็นหวัดขึ้นมา

ผมจะไปรินเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้นะครับ

หากมีที่ต้องการนอกเหนือจากนี้…


จุน: ...อยากกลับแล้วคับ


เรย์จิ: คุณรอจนกว่าฝนจะซาน่าจะดีกว่าหรือเปล่าครับ?

จะให้ร่างกายป่วยไข้ในช่วงก่อนเริ่มงานเฟสที่สำคัญไม่ได้นี่ครับ


จุน: น-นั่นสินะครับ!


เรย์จิ: เช่นนั้น รอสักครู่นะครับ


จุน: ว้าาาาาก…. คนญี่ปุ่นที่ปฏิเสธไม่เป็น~!! ฉันนี่มันโง่ๆๆๆ


เรย์จิ: … เป็นคนที่ไหลไปตามน้ำง่ายสินะ


จุน: คือว่า คาราสึมะคุง

ตอนนี้มันเงียบมากเลย สมาชิกคนอื่นไม่อยู่ด้วยหรอ…?


เรย์จิ: ครับ ทุกคนออกไปข้างนอกอยู่ครับ


จุน: งี้เอง


เรย์จิ: (ทั้งที่มีอายุมากแล้วแต่ร้อนรนอยู่ไม่สุขเลยนะ)

(ตามที่ค้นคว้ามา เขาดำรงชีพด้วยเงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันเกมและอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องทำงานอะไร)

(นั่นคือสามารถสันนิฐานได้ว่า ไม่ถนัดเวลาอยู่กับผู้คน…

หรือไม่ก็ เป็นบุคคลที่ไม่อาจปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมได้)

(โดยสรุปคือ ธาตุแท้ของชายคนนี้ “เป็นอย่างที่ตาเห็น” งั้นรึ...)

(อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขุดคุ้ยก็ได้)


เรย์จิ: เวลาคุณสุซากิขึ้นแสดงบนเวทีในฐานะ ZACK

ดูมีอิมเมจที่ค่อนข้างต่างจากปกติดีนะครับ


จุน: อ๊ะ อื้ม

ZACK น่ะคือตัวฉัน แต่ก็ไม่ใช่ฉันเลย....


เรย์จิ: หรือก็คือ ZACK คือบทบาทที่คุณแสดงให้เข้ากับโลกของ Fantôme Iris


จุน: อืมม… น่าจะต่างจากการแสดง นิดหน่อยหรือเปล่านะ…


จุน: พอฉันยืนบนเวทีแล้วจะได้รับการปลดปล่อยน่ะ

… ถึงพอพูดแล้วจะเหมือนพวกคนไม่รู้จักโตก็เถอะ

แต่ว่า ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ…


เรย์จิ: … อย่างนี้นี่เอง




-------------


ตอนที่ 2 - in the rain



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


เรย์จิ: (---คำพูดจาและอาการที่ไม่สู้คน กับท่าทีดูพิรุธน่าสงสัย

ลวดลายอวดดีหยิ่งสโย กับกีตาร์ทรงพลังที่จู่โจม)

(ทั้งที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่ไม่ได้แสดงอยู่ งั้นหรอ…)

(... ไม่เข้าใจเหตุและผลเลยสักนิด)


เรย์จิ: ขอผมถามคำถามได้มั้ยครับ?


จุน: อือ อืม?


เรย์จิ: คุณเริ่มเล่นดนตรีเมื่อไหร่?


จุน: …. ตั้งแต่จำความได้เลย

ทั้งพ่อแม่ทั้งพี่สาว ต่างเป็นคนในวงการดนตรีอยู่แล้ว

ฉันเลยอยากจะเป็นแบบเขาด้วย… แต่ทำยังไงก็ไม่ได้เรื่อง…

ล้มเลิกงานบริษัท และห่างหายจากดนตรีจนแทบลืมไปแล้ว

จนกระทั่ง โทโมรุทักฉันมา


เรย์จิ: เลยเข้า Fantôme Iris ด้วยเหตุนั้น?


จุน: อื้ม แม้แต่ตอนนี้ บางครั้งฉันยังนึกว่าฝันไปอยู่เลย

ว่าอาจจะแค่กำลังฝันถึงเรื่องที่แสนสุขอยู่ก็ได้ น่ะ…


เรย์จิ: …….


จุน: อ๊ะ…. เวลาป่านนี้แล้ว

ขอตัวกลับก่อนนะ ส่วน… เรื่องผ้าเช็ดตัวหรืออะไรๆ ขอบใจนะ


เรย์จิ: ครับ รักษาตัวด้วย


(เสียงปิดประตู)


เรย์จิ: (---สุซากิ จุน)

(มีพรสรรค์ แต่เคยล้มเลิกการใช้ชีวิตในวงการดนตรีไปแล้วครั้งหนึ่ง)

(“อาจจะแค่กำลังฝันถึงเรื่องที่แสนสุขอยู่ก็ได้” เรอะ)


(ตัดฉากดำ)


??? (สำเนียงเกียวโต):  นี่เป็นความฝัน เป็นฝันที่ดีมากเลยล่ะ

แต่ว่า เพราะเป็นฝันถึงมีวันที่ต้องตื่น คุณพ่อเองก็พูดไว้แบบนี้นี่?


เรย์จิ: ….อึก

(ทำไม ฉันถึงนึกถึงคำพูดของคนนั้นล่ะ…?)


(เสียงเปิดประตู)


เรย์จิ: !!

(... มีใครกลับมาแล้วงั้นเรอะ)


ทาดาโอมิ: กลับมาแล้ว เรย์จิคุง


เรย์จิ: … อา


ทาดาโอมิ: ….? หรือว่า มีแขกมาหาหรอ?


เรย์จิ: รู้ดีเลยนี่ สุซากิ จุน จาก Fantôme Iris มาน่ะ


ทาดาโอมิ: แบบนี้เอง… แปลกจังเลยนะ

คุณสุซากิ ไม่น่าเป็นคนที่จะมาเยี่ยมด้วยตัวเองด้วย

เรย์จิคุงเป็นคนชวนมาหรือเปล่านะ

มีเรื่องอยากคุยกับเขาหรอ?


เรย์จิ: ไหลไปตามน้ำน่ะ

ฉันตั้งใจว่าจะขุดคุ้ยเรื่องภายในอะไรเพื่อการจัดการในอนาคต...


ทาดาโอมิ: คุณสุซากิ เป็นคนแบบไหนหรอ?


เรย์จิ: นั่นสินะ...


(เสียงจากคอม)


เรย์จิ: มาถึงแล้วเรอะ


ทาดาโอมิ: อะไรหรอ?


เรย์จิ: รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวสุซากิ จุน

ฉันให้รวบรวมข้อมูลมาให้เร็วที่สุดในขอบเขตที่พอเข้าใจได้น่ะ


เรย์จิ: …..


เรย์จิ: เขาเกิดมาในบ้านที่เป็นนักดนตรีทั้งหมด พี่สาวดูเหมือนจะเป็นนักเปียโนมีชื่อเสียง


ทาดาโอมิ: หืม… พรสรรค์ของคุณสุซากิมีมาตั้งแต่เกิดเลยเนอะ


เรย์จิ: พรสรรค์งั้นเรอะ ทาดาโอมิก็สัมผัสได้สินะ


ทาดาโอมิ: แต่มักจะถูกเอกลักษณ์โดดเด่นของ Fantôme Iris บดบังอยู่เรื่อยก็เถอะนะ

…. คุณสุซากิ ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นนักเปียโนเหมือนกับคุณพี่สาวนี่นา




-------------


ตอนที่ 3 - in the rain



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


ทาดาโอมิ: …. คุณสุซากิ ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นนักเปียโนเหมือนกับคุณพี่สาวนี่นา


เรย์จิ: แม้เขาจะเข้าร่วมการประกวดเป็นจำนวนมาก

แต่ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นสักเท่าไหร่


ทาดาโอมิ: หืม… ประหลาดจังเลยเนอะ


เรย์จิ: ดูเหมือนจะไม่ถูกกับวันแสดงจริงน่ะ

และยังประพบปัญหานานับหลายครั้งหลายคราวด้วย

แต่ว่า มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องที่เขาเป็นมนุษย์ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พร้อม


ทาดาโอมิ: …..


เรย์จิ: เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ม.ต้นปี 3

และไม่ได้เข้าร่วมงานประกวดเปียโนนับตั้งแต่นั้น

หลังจากนั้น ก็เลือกเส้นทางที่ห่างจากสายแวดวงดนตรี


เรย์จิ: หลังจบการศึกษามหาวิทยาลัย ถึงกลับมาในวงการดนตรีอีกครั้งในฝั่งบริหารธุรกิจ

แต่ก็ออกจากงานในระยะเวลาเพียง 1 ปี

ภายหลัง จึงหมกตัวอยู่ในบ้าน กลายเป็นหมกมุ่นเรื่องเกมขึ้นมา


เรย์จิ: แต่พอได้รับคำเชิญชวนจากคุโรคาว่า โทโมรุ ผู้เป็นเพื่อน

จึงได้มาเป็นสมาชิก Fantôme Iris ....


เรย์จิ: หนีอยู่ หรือถูกไหลไปตามกระแส อย่างใดอย่างหนึ่งสินะ


เรย์จิ: มีทั้งพรสรรค์และสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อม

ทั้งที่มีทั้งสองอย่างอยู่กับตัว… เรื่องน่าขันสิ้นดี


ทาดาโอมิ: …..


ทาดาโอมิ: .... เรย์จิคุง “อิจฉา” ในตัวคุณสุซากิ เลยให้อภัยไม่ได้หรือเปล่านะ


เรย์จิ: หา? ฉันเนี่ยนะ คิดอย่างนั้น?


ทาดาโอมิ: ก็ มีญาติสนิทใกล้ตัวเรย์จิคุงอยู่นี่นา

คนที่มีทั้งพรสรรค์ติดตัวแต่กำเนิด ล้อมรอบด้วยสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อม---

แต่แล้วก็สูญเสียทุกสิ่ง เส้นทางด้านดนตรีของคนนั้นได้ปิดตายลงน่ะ


เรย์จิ: ...อึก


ทาดาโอมิ: อ๋า นั่นสิ ไม่ได้ถูกปิดตายสักหน่อยเนอะ

“คนคนนั้น” เลือกยอมแพ้ และปล่อยทิ้งด้วยตัวเองนี่นา

แต่ว่า สิ่งนั้นก็เป็น “การหนี” สำหรับตัวเรย์จิคุง---


เรย์จิ: อย่าพูดเหมือนรู้ดีหน่อยเลย!!


ทาดาโอมิ: ….


ทาดาโอมิ: อย่างที่เรย์จิคุงพูดเลยเนอะ ขอโทษนะ


เรย์จิ: ไม่…

… ฉันไม่ได้คิดอะไรกับตัวสุซากิ จุน

เพียงแต่ ทำความเข้าใจไม่ได้เท่านั้น


(เสียงปิดประตู)


ทาดาโอมิ: ไม่ได้คิดอะไร งั้นหรอ…

ทำไมมนุษย์ถึงโกหกกระทั่งตัวเองด้วยนะ



[ แชร์เฮาส์วง Fantôme Iris ]


จุน: กลับมาแหล่ว…


โทโมรุ: มาแล้วหรอ จุน บอกจะออกไปข้างนอกแปบเดียว

แต่กลับมาช้าอยู่นะ… หืม?


โทโมรุ: ทำไมผมยุ่งเหยิงขนาดนั้นล่ะ?

ไหนจะเสื้ออีก เปื้อนโคลนมางั้นสิ หกล้มที่ไหนอีกแล้วหรอ?


จุน: โคลน? … อ๊ะ จริงด้วย


จุน: เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ…

ฉันไปรบกวนบ้านเขาทั้งสภาพอย่างนี้หรอ?

แถมยังไปนั่งบนโซฟาแพงๆ ด้วย!?


โทโมรุ: แพงๆ? รบกวน?


จุน: คือว่านะ เมื่อกี้---



-------------


ตอนที่ 4 - in the rain




[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


โทโมรุ: เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วย…

คนราวสามสิบ เหยียบกระป๋องเปล่าสะดุดล้มน้ำกระเด็น---


จุน: อย่าพูดต่อเลย! ฉันยังรู้ตัวเลยว่าตัวเองน่าสมเพชมากๆ น่ะ!


โทโมรุ: เอาเถอะ สมเป็นจุนดีนะ

ทั้งเรื่องที่ไปแชร์เฮาส์ฝั่งนั้น รวมถึงปฏิเสธคำชวนว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?


จุน: …. อืม


โทโมรุ: เพียงแต่ อีกฝั่งเป็นเด็กจาก εpsilonΦ นี่แหละ…

คุณเฟลิก็ติดใจอยู่ด้วยล่ะ


จุน: คุณเฟลิกซ์น่ะหรอ?


โทโมรุ: ผมไม่ได้ถามถึงรายละเอียดหรอก...


โทโมรุ: .... ในสายตาจุน คาราสึมะคุงเขาเป็นเด็กแบบไหนล่ะ?


จุน: พูดคุยอย่างสุภาพกับคนอย่างฉันล่ะ ใจดีกับฉันด้วย

แต่ว่า บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนเขามองฉันเหมือนมองขนมปังเน่าๆ ด้วย….

คิดไปเองหรือเปล่านะ…. อะฮะฮะ

รู้สึกรอยยิ้มที่ยิ้มอยู่ ก็ไม่ได้ยิ้มจริงๆ

ดวงตาก็… ทั้งเย็นชา ทั้งน่ากลัว อยู่นิดหน่อย

ฉันอาจจะซ้อนทับกับพี่สาวอยู่ก็ได้… อะไรอย่างนี้…


โทโมรุ: งั้นหรอ…


จุน: สมเพชจริง ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ


โทโมรุ: อืม ฉันไม่ปฏิเสธหรอก


จุน: นั่นสินะ… ยังไงซะตัวฉันมัน…


โทโมรุ: แต่ว่า ไม่ว่าใครก็มีคนประเภทที่คุยยากอยู่แล้วน่า

มันก็แค่นั้นไม่ใช่หรอ?


จุน: ...อืม



[ บนถนน ฝนตก ]


จุน: แฮ่ก...แฮ่ก…

ม-ไม่เห็นรู้เรื่องเลย...

ฝนมาตกได้ยังไงกัน!? เมื่อกี้ฟ้ายังแจ่มใสอยู่เลย!


จุน: แฮ่ก แฮ่ก… ฮือ โชคร้ายชะมัด…. เอ๊ะ หวา!?


(เสียงล้ม)


จุน: เจ็บๆๆ… ทำไมมีขวดพลาสติกอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ….

เดี๋ยวนะ สถานการณ์แบบนี้มันคุ้นสุดๆ ไปเลยนี่นา---


(เสียงคนเดิน)


จุน: ...อึก



เรย์จิ: ไม่หัดเรียนรู้เอาซะเลยนะครับ


จุน: คะ คาราสึมะคุง


เรย์จิ: …….


เรย์จิ: ผมทำความเข้าใจตัวคุณไม่ได้เลย


จุน: เอ๊ะ?


เรย์จิ: ทั้งที่คุณเกิดมาพร้อมพรสรรค์ พร้อมทั้งผู้คนรายล้อมที่สมบูรณ์

แล้วทำไมถึงยังเลือกปล่อยทุกสิ่งราวกับหนีไปด้วย?

ทั้งที่ทำตัวอย่างนั้น แต่แล้วยังจับพลัดจับพลูตามกระแส

จนกลับมาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตัวเองเคยทิ้งไปแล้วเนี่ยนะ?


จุน: ฉะ ฉัน….


เรย์จิ: ช่างโชคร้าย นั่นเป็นคำพูดติดปากของคุณสินะครับ


เรย์จิ: อย่ามาทำตัวเหลาะแหละไม่เข้าเรื่องอย่างนี้จะได้มั้ยครับ

คุณน่ะช่างโชคดีเหลือคณานัก


เรย์จิ: ทั้งอย่างนั้น คุณกลับไม่เข้าใจสักนิดเดียว

ว่าตัวเองเกิดมาในสถานที่เพียบพร้อมมากเพียงใด


จุน: ….อึก …. ขอโทษ


เรย์จิ: ทำไมต้องขอโทษด้วยครับ?

ผมตั้งใจทำร้ายคุณอยู่ครับ และไม่คิดจะรับการขออภัยทั้งนั้นด้วย



-------------


Epilogue - in the rain




เรย์จิ: ผมตั้งใจทำร้ายคุณอยู่ครับ

และไม่คิดจะรับการขออภัยทั้งนั้นด้วย


จุน: แต่….

ฉัน ทำยังไงก็คงความสัมพันธ์กับผู้คนได้ไม่ดีเลย

ไหนจะทำตัวชวนน่าหงุดหงิดให้ผู้คนรอบข้างทั้งนั้น… เพราะงั้นตัวคาราสึมะคุงก็…

ขอโทษนะ… ที่ฉันทำให้นายต้องทำสีหน้าแบบนี้


เรย์จิ: ….. อึก


(ตัดฉากดำ)


??? (สำเนียงเกียวโต):  ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก

นี่เป็นความฝัน เป็นฝันที่ดีมากเลยล่ะ

แต่ว่า เพราะเป็นฝันถึงมีวันที่ต้องตื่น คุณพ่อเองก็พูดไว้แบบนี้นี่?


??? : เพราะฉะนั้น ขอร้องล่ะ… 

อย่าร้องไห้แบบนี้เลยนะ… เรย์จิ


เรย์จิ: ถึงอย่างนั้น ผม---

ไม่อยากให้คุณล้มเลิกความฝันไปเลย


(ตัดฉากกลับมา)



เรย์จิ: …..


เรย์จิ: คนประเภทอย่างคุณ จะถูกเรียกว่า “ผู้อ่อนแอ” ก็คงไม่ผิดสินะครับ

… “ผู้อ่อนแอ” ไม่ว่าเวลาใด ก็จะเป็น “ฝ่ายที่ถูกสูบเลือดสูบเนื้อ” เสมอ


เรย์จิ: ….. ผมไม่คิดจะกลายเป็น “ผู้อ่อนแอ”

เช่นเดียวกับคนแบบคุณอีกต่อไปแล้วครับ


เรย์จิ: ผมจะเป็นมนุษย์ฝั่งที่เป็น “ผู้สูบเลือดสูบเนื้อ” ผู้อื่น

ดังนั้น ---


เรย์จิ: หากคุณไม่อยากกลายเป็นอาหารและถูกกัดกิน

จงอย่าเข้าใกล้ตัวผม และ εpsilonΦ ครับ



[ แชร์เฮาส์วง εpsilonΦ ]


(เสียงเปิดประตู)


เรย์จิ: ………


ทาดาโอมิ: กลับมาแล้วหรอ เรย์จิคุง


เรย์จิ: อืม


ทาดาโอมิ: .... เรย์จิคุง ทำสีหน้าแบบเดียวกับก่อนหน้านี้เลย

ไปเจอกับคุณสุซากิมาหรอ?


เรย์จิ: นายนี่มันไม่เปลี่ยนไปเลย....

เพลาๆ เรื่องสังเกตการณ์มนุษย์ซะบ้าง


เรย์จิ: มีบางเวลาที่ขุดคุ้ยคนอื่น และรับรู้ในเรื่องที่ไม่อยากรู้อยู่ด้วย


ทาดาโอมิ: เรื่องที่ไม่อยากรู้คือ?


เรย์จิ: ….. คนที่หกล้มอยู่ตรงนั้น ในครั้งแรกฉันยื่นมือออกไปช่วย

แต่ในครั้งที่สอง ฉันไม่ได้ยื่นมือออกไปเลย

ในครั้งแรก ฉันแกล้งทำเป็นใจดีสนิทชิดเชื้อ

ในครั้งที่สอง นั่นคือตัวจริงของฉัน---


เรย์จิ: … แต่ ถ้าเป็นตัวฉันในอดีต

คงจะยื่นมือไปหาโดยไม่ลังเลเลยล่ะ


เรย์จิ: (ฉันตั้งใจสวมหน้ากากมามากมายหลายตา

เพื่อปกปิด “ตัวตนที่แท้จริง” เอาไว้)

(แต่ว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่หนึ่งในหน้ากากนั้น

กลายมาเป็น “ตัวตนที่แท้จริง” ไปแล้ว)


เรย์จิ: (--- พี่ครับ ผมคงจะไม่สามารถกลับมาเป็น “ตัวผมในอดีต” ได้อีกต่อไปแล้ว)


เรย์จิ: ไม่อยากจะรู้เลยนะ


ทาดาโอมิ: เรย์จิคุงแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาให้เห็น… แปลกตาจังเลยเนอะ


เรย์จิ: … ฉันอาจจะได้รับอิทธิพลจากชายที่ยอมรับในความอ่อนแอของตัวเองก็ได้


เรย์จิ: (.... และฉันไม่ควรจะเตือนเขาแต่แรกเลยด้วย)


เรย์จิ: วันที่ฝนตก ทำให้จิตใจไม่สงบจริงๆ


ทาดาโอมิ: ไหวมั้ย?


เรย์จิ: ไม่มีปัญหา

ฉันไม่คิดจะให้ความฝันมันจบลงแค่ความฝันหรอก

เพื่อการนั้น จึงต้องให้ εpsilonΦ เอาชนะการแข่งLRเฟสให้ได้

ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการแบบไหน


(ตัดฉากดำ)


เรย์จิ: ไม่ว่าฉันจะต้องสวมหน้ากากอำมหิตเพียงใดก็ตาม---



(End)