หมวด History เป็นการเล่าเหตุการณ์อย่างย่อ เหมือนสรุปให้จากเนื้อเรื่องที่อ่าน ไปพร้อมๆ กับรู้ความเป็นมาตัวละครก่อนเหตุการณ์ในเกม
สำหรับแฝดนิโจ เราจะใช้การแปะตารางข้างๆ เทียบกัน เพราะสองคนนี้มีไทม์ไลน์สัมพันธ์กันแทบทุกเหตุการณ์ ทำให้เห็นการเปรียบเทียบได้ชัดๆ ค่ะ
เนื้อหาสปอยครอบคลุมถึงปัจจุบันในเกม ( 22.12.2021 )
เนื่องจากเกม AAside มีกำหนดการปิดตัวแล้ว ประวัติส่วนที่ได้รับจากการปลดถ้วยจากการอ่านสตอรี่ต่างๆ เราจะเปิดทั้งหมดเลยค่ะ
แปลเฉพาะแท็บ ก่อนเข้าโตเกียว-หลังเข้าโตเกียว
เกิด
เกิดมาในฐานะลูกชายคนโตของบ้านนิโจ ซึ่งเป็นตระกูลบริหารบริษัทเครื่องสำอางภายในเมืองเกียวโต เป็นเด็กทารกที่คล้ายฝั่งแม่
เกิด
เกิดมาในฐานะลูกชายคนรองของบ้านนิโจ ซึ่งเป็นตระกูลบริหารบริษัทเครื่องสำอางภายในเมืองเกียวโต เป็นเด็กทารกที่คล้ายฝั่งพ่อ
อายุ 3 ปี ชอบขบวนการฮีโร่ (Tokusatsu)
ได้รับความชื่นชอบจากเหล่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เป็นเด็กชายที่ชอบโทคุซัทสึและไอศกรีมมากๆ
อายุ 3 ปี วัยเด็กที่ป่วยอมโรค
เด็กชายที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก และไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอจนต้องนอนซมอยู่บ่อยๆ
อายุ 5 ปี พี่ชายที่แสนดี
คอยดูแลน้องชายฝาแฝดที่ร่างกายอ่อนแออย่างใกล้ชิด เป็นพี่ชายที่ใจดี เป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก
อายุ 4 ปี ฮารุกะที่รัก
ตอนตัวเองร้องไห้ออกมา คนที่เข้ามาเคียงข้างก่อนใคร จูงมือ และปลอบประโลมคือฮารุกะ กลายเป็นตัวตนที่แสนสำคัญและรักที่สุด
อายุ 5 ปี เริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ
เริ่มเรียนสิ่งต่างๆ เช่น การจัดดอกไม้ การเรียน เปียโน และอื่นๆ ไม่ว่าอะไรก็แสดงความเป็นเลิศออกมาไม่แพ้ผู้ใหญ่
อายุ 5 ปี ผู้เป็นฮีโร่ในสายตาคานาตะ
ทั้งที่เป็นฝาแฝด แต่ช่างแตกต่างจากตัวเอง โอบกอดความหลงใหลที่มีกับฮารุกะผู้ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยน กลายเป็นตัวตนที่รักและสุดพิเศษ
อายุ 5 ปี ฮารุกะคุงที่น่าภูมิใจ
มันสมองที่เป็นเลิศ ไม่ว่าจะเรียนรู้สิ่งไหนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลได้อย่างดีเยี่ยม ผู้คนต่างกล่าวว่าจะได้รับการฝากฝังเป็นผู้มีคุณสมบัติพร้อมสืบทอดตระกูลนิโจแสนน่าภาคภูมิใจ
อายุ 5 ปี เริ่มเล่นเปียโน
เริ่มหัดเล่นเปียโน เนื่องจากเป็นสิ่งที่คานาตะสามารถเรียนได้แม้จะร่างกายจะอ่อนแอ ได้รับการสอนจากฮารุกะ พัฒนาฝีมือขึ้น
อายุ 6 ปี พรสวรรค์ที่ดีเด่นกว่าใคร
ท่ามกลางการเรียน เปียโน และอื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย ได้รับผลตอบรับที่น่าชื่นชมว่ามีพรสวรรค์ดีเด่นในด้านดนตรียิ่งกว่าคนทั่วไป
อายุ 6 ปี เริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ
เพื่อที่จะได้เป็นน้องชายที่สามารถยืนเคียงข้างฮารุกะโดยไม่ต้องอายใคร จึงเรียนรู้ทักษะหลายๆอย่าง ไล่ตามพี่ชายตัวเอง
เข้าโรงเรียนประถม
เข้าเรียนโรงเรียนเอกชน(私立)ประจำเมืองเกียวโต เนื่องจากมีมันสมองที่เป็นเลิศ และเด่นด้านกีฬา ทำให้กลายเป็นที่นิยมในชั้นเรียน
เข้าโรงเรียนประถม
เข้าเรียนโรงเรียนเทศบาล(市立)ประจำเมืองเกียวโต เนื่องจากมีนิสัยไม่สู้หน้าคน จึงไม่ค่อยมีเพื่อนนัก
ประถมปี 1 เกลียดพ่อ
พ่อที่กระทำสิ่งที่ทำให้แม่เสียใจอยู่เป็นประจำ
พ่อที่เอ้อระเหยลอยชาทำให้ก่อเกิดรู้สึกเกลียดชัง และมองด้วยสายตาเป็นศัตรู
ประถมปี 1 อยากอยู่เคียงข้าง
รอบข้างฮารุกะ รายล้อมด้วยเพื่อนร่วมชั้นอยู่เป็นประจำ ทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ รู้สึกเป็นตัวตนที่แตกต่างจากตนเอง
ประถมปี 1 กระวนกระวาย
สิ่งที่ร่ำเรียนมา เริ่มจะแพ้คานาตะไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อถูกเปรียบเทียบกับคานาตะ ทำให้เริ่มจดจำความกระวนกระวายและคับแค้นใจ
ประถมปี 1 อยากได้การยอมรับ
อยากได้รับการยอมรับจากฮารุกะ จึงเป็นแรงผลักดันมุ่งมั่นให้กับการเรียนและการร่ำเรียนสิ่งต่างๆ แต่ทว่า ฮารุกะไม่มองมาที่ตัวเองเลย
ประถมปี 6 แสดงความประสงค์เข้าโรงเรียนเอกชนมัธยมต้น
ชอบการร่ำเรียนที่เกี่ยวข้องกับดนตรี อย่างเช่น เปียโน จึงยื่นความประสงค์เข้าแผนกโรงเรียนมัธยมต้นในเครือมหาวิทยาลัยการดนตรี
ประถมปี 1 จดจำความผาสุข
ค่อยๆ ไล่ตามและก้าวข้ามฮารุกะในเรื่องเรียนและการร่ำเรียนไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย ทุกครั้งที่ตนเองได้รับคำชมจากคนอื่น ฮารุกะจะส่งอารมณ์ความรู้สึกมาที่ตัวเอง
ประถมปี 6 คานาตะก็เข้าสอบที่เดียวกันด้วย
วางใจว่าคานาตะคงจะไปเข้าโรงเรียนม.ต้นที่อื่น แต่กลายเป็นว่าคานาตะก็มาสอบเข้าโรงเรียนม.ต้นที่เดียวกัน
ประถมปี 6 อยากให้มองมามากกว่านี้
คิดว่าหากชนะในด้านดนตรีที่ฮารุกะถนัด ตนคงได้รับอารมณ์ความรู้สึกที่มากยิ่งกว่านี้ก็ได้ จึงแสดงความประสงค์เข้าโรงเรียนมัธยมต้นที่เดียวกัน
ประถมปี 6 เรียนเตรียมสอบ
ทุ่มเทกับดนตรีและการเรียน เพราะอยากสอบผ่านเป็นลำดับท็อป และสร้างความต่างชั้นกับคานาตะ เป็นครั้งแรกที่ตนใช้ความพยายามอย่างสุดชีวิต
สอบเข้าม.ต้น
สอบผ่านเป็นลำดับท็อปเนื่องจากการขยั่นหมั่นเพียรอย่างเต็มที่ด้วย แต่ทว่า ฮารุกะกลับสอบตกเสียอย่างนั้น
สอบเข้าม.ต้น
ไม่สามารถแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาได้เต็มที่อย่างที่คิดไว้เพราะความกระวนกระวายใจ จึงสอบตก ในขณะเดียวกัน คานาตะสอบได้เป็นลำดับท็อป จึงรู้สึกช็อก
สอบเข้าม.ต้น จุดเริ่มต้นของการยึดติด
ฮารุกะที่สอบตก ส่งอารมณ์ความรู้สึกรังเกียจและสิ้นหวังมาที่ตัวเอง ตนเองปลื้มปิติกับสีหน้านั้นเสียอย่างนั้น
เข้าเรียนม.ต้น
พ่อแม่วิ่งเต้นเอาเองโดยไม่ถามความสมัครใจของตน เลยได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมต้นในเครือมหาวิทยาลัยการดนตรี
เข้าเรียนม.ต้น
เวลาที่ชนะฮารุกะได้ ฮารุกะจะส่งความรู้สึกมาที่ตนเอง หลังจากนั้น จึงแสดงให้เห็นถึงการยึดติดอันบิดเบี้ยวที่มีต่อฮารุกะเรื่อยๆ
ม.ต้นปี 1 ความโกรธที่ไม่อาจพูดออกมา
ความพยายามครั้งแรก จบลงโดยไม่มีผลสำเร็จใดๆทั้งสิ้น โดนพวกผู้ใหญ่เปรียบเทียบกับคานาตะผู้อยู่นำหน้า และได้รับบาดแผลสาหัส
ม.ต้นปี 1 คานะจังคนสดใสร่าเริง
เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมต้นในเครือมหาวิทยาลัยการดนตรี เพราะมีคาแรกเตอร์สดใสร่าเริงจึงทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้น ต่างจากที่ผ่านมา
ม.ต้นปี 1 จดจำถึงความสิ้นหวัง
เป็นทุกข์กับสาเหตุที่ตัวเองได้เข้าเรียน และความต่างชั้นของตัวเองกับคานาตะ จึงสิ้นหวังกับสังคมและผู้ใหญ่ เริ่มทำอะไรต่างๆเพียงตัวคนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร
-
ม.ต้นปี 1 เริ่มเล่นเบส
หมกมุ่นกับดนตรีราวกับหลบหนีอยู่ เริ่มเล่นเบส หมั่นฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียว
ม.ต้นปี 1 เริ่มเล่นเบส
พอรู้ว่าฮารุกะเริ่มเล่นเบส ตัวเองก็เริ่มเล่นเบสตาม
ม.ต้นปี 2 ย้อมสีผม
เกลียดการถูกมองว่าเป็นพี่น้องกับคานาตะจึงย้อมสีผมตัวเอง อีกทั้งยังเจาะหูเพื่อแสดงอาการต่อต้านจากรอบข้าง
ม.ต้นปี 2 ใส่ไฮไลท์สีผม
พอรู้ว่าฮารุกะย้อมสีผม ตัวเองจึงใส่ไฮไลท์ตาม อีกทั้งยังเจาะหู เลียนแบบตามฮารุกะ
ม.ต้นปี 2 ตั้งวงดนตรี
ตั้งวงดนตรีครั้งแรก เป็นสถานที่พักหย่อนใจของตน และคิดว่าตัวเองไม่ได้รังเกียจสมาชิกในวงเลย
ม.ต้นปี 2 เข้าใกล้สมาชิกวง
พอรู้ว่าฮารุกะตั้งวงดนตรี ตัวเองก็เริ่มเข้าใกล้สมาชิกในวงคนอื่นๆ
ม.ต้นปี 2 ความเข้าขาทางดนตรีที่แตกต่าง
ทักษะของฮารุกะไม่สามารถคล้อยตามคนรอบข้างได้ ความสัมพันธ์ภายในจึงเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
ม.ต้นปี 2 ฮารุกะที่เริ่มโดดเดี่ยว
ความสัมพันธ์ภายในวงของฮารุกะกับสมาชิกเริ่มพังทลายลงอย่างช้าๆ และแน่นอน รักใคร่เอ็นดูฮารุกะที่ไม่รู้สึกตัวอะไรเลย
ม.ต้นปี 3 ออกจากวง
จำนวนครั้งที่คานาตะเริ่มเข้ามาช่วยในฐานะมือเบสมีมากขึ้น รู้สึกเหมือนถูกขับไล่จึงออกจากวงไปโดยปริยาย
ม.ต้นปี 3 เข้าร่วมวงในฐานะผู้ช่วย
จำนวนครั้งที่คานาตะเริ่มเข้ามาช่วยในฐานะมือเบสมีมากขึ้น อีกด้าน ฮารุกะที่รู้สึกเหมือนถูกขับไล่จึงออกจากวงไปโดยปริยาย
ม.ต้นปี 3 เริ่มเล่นกีตาร์
เปลี่ยนทิศทางจากเบสไปกีตาร์ สั่งสมประสบการณ์จากการเป็นผู้ช่วย ผ่านไลฟ์เฮาส์โดยพยายามไม่ให้คานาตะได้รู้
ม.ต้นปี 3 ออกจากวง
ไม่สนใจวงที่ไม่มีฮารุกะ วงดนตรีนี้จึงทยอยเลิกรากันไป
เข้าม.ปลาย
เลื่อนชั้นขึ้นม.ปลายต่อจากที่เดิม วันคืนที่ถูกเปรียบเทียบกับคานาตะต่างๆ นานา มีเพียงกีตาร์ที่เป็นเครื่องมือช่วยชีวิต
เข้าม.ปลาย
เลื่อนชั้นขึ้นม.ปลายต่อจากที่เดิม เบสที่ตัวเองเริ่มเล่นเพราะไล่ตามฮารุกะ กลายเป็นเริ่มถูกใจ และยังซ้อมเล่นอยู่เรื่อยมา
ม.ปลายปี 1 พบกับชูและเรย์จิ
ถูกทักจากชูและเรย์จิตอนอยู่ที่ไลฟ์เฮาส์ ปฏิเสธการเข้าร่วมวงดนตรี
ม.ปลายปี 1 พบกับชูและเรย์จิ
พอรู้ว่าฮารุกะถูกชูและเรย์จิชวนเข้าร่วมวงดนตรี จึงเข้าไปเสนอตัวเองขอให้ร่วมวงด้วย
ม.ปลายปี 1 ถูกโน้มน้าว
ได้รับการโน้มน้าวจากเรย์จิ ตัดสินใจเข้าวงโดยมีเงื่อนไข หลังจากนั้น คานาตะก็บรรจุเข้าวงด้วย
ม.ปลายปี 1 บรรจุเข้าวง
บรรจุเข้าวงอย่างทางการ ตอนแรกคิดว่าฮารุกะจะรังเกียจจนหนี แต่กลับไม่หนี ผิดจากที่คาดไว้
ม.ปลายปี 2 เกิดวง εpsilonΦ
เริ่มทำกิจกรรมวง εpsilonΦ ตั้งสมาธิกับวงดนตรีไปพร้อมกับตนเองที่ทุกข์ทรมานจากคานาตะ
ม.ปลายปี 2 เกิดวง εpsilonΦ
เริ่มทำกิจกรรมวง εpsilonΦ สนุกสนานกับการเล่นดนตรีด้วยกันกับฮารุกะราวกับเป็นเรื่องปกติอย่างที่ควรจะเป็น
เข้าร่วมงานแสดง LR เฟส
กำหนดการออกแสดง LR เฟสอย่างเป็นทางการ ย้ายเข้าโรงเรียนเตรียมวิทยาลัยดนตรีคาโมะคาว่า แผนกมัธยมปลาย
เข้าร่วมงานแสดง LR เฟส
กำหนดการออกแสดง LR เฟสอย่างเป็นทางการ ย้ายเข้าโรงเรียนเตรียมวิทยาลัยดนตรีคาโมะคาว่า แผนกมัธยมปลาย
[หลังเข้าโตเกียว]
เข้าโตเกียว
เข้าโตเกียวเพื่อเข้าร่วมงานแสดง Live Royal Festival อาศัยอยู่แชร์เฮาส์ในย่านรปปงหงิ
เข้าโตเกียว
เข้าโตเกียวเพื่อเข้าร่วมงานแสดง Live Royal Festival อาศัยอยู่แชร์เฮาส์ในย่านรปปงหงิ
ไปร้านเท็นกะอิปปิง
บังเอิญเจอชูบนเส้นขากลับจากการแวะร้านเท็นกะอิปปิง โดยชูชักชวนเข้า จึงกลับไปภายในร้านอีกครั้ง
เท็นกะอิปปิงแบบทำเอง
ซื้อราเม็งเท็นกะอิปปิงแบบทำเอง ได้รู้ว่าชูไปกินราเม็งที่สาขากับฮารุกะมา
คุยเรื่องดนตรี
คุยเรื่องดนตรีกับเรย์จิ เล่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อวงอื่นๆ เรื่องความเข้าขากันของดนตรีที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
ฝึกซ้อม
ฝึกซ้อมร่วมกับฮารุกะ เล่นเบส ก็อปเทคนิคที่ฮารุกะชอบทำมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ฮารุกะโกรธยิ่งกว่าเดิม
ความคิดคำนึงถึงกีตาร์
ถูกคานาตะชวนคุยเรื่องเบส หงุดหงิดอย่างรุนแรง ยืนยันความคิดของตัวเองที่มีต่อกีตาร์ ไม่ใช่เบสอีกครั้ง
คุยเรื่องดนตรี
คุยเรื่องดนตรีกับเรย์จิ พูดคุยเกี่ยวกับศิลปินที่ฮารุกะผู้เป็นพี่ชื่นชอบในสมัยก่อน
คุยเรื่องเฟส
ได้รับคำถามจากทาดาโอมิว่าสนุกกับเฟสอยู่หรือเปล่า ตอบกลับไปว่าตนเองไม่ได้สนุก แค่ต้องการพิสูจน์ความสามารถตัวเองเท่านั้น
คุยเรื่องเฟส
ได้รับคำถามจากทาดาโอมิ พูดคุยว่าตัวเองมีทั้งเรื่องที่สนุกตั้งตารอและเรื่องที่ไม่พอใจ
ไม่เข้าร่วม Starting Live
ไม่เข้าร่วม Starting Live จากคำบอกของชู ไม่สามารถทำความเข้าใจที่ต้องงดแสดงได้ หงุดหงิด
ไม่เข้าร่วม Starting Live
ไม่เข้าร่วม Starting Live จากคำบอกของชู ไม่ได้สนใจแต่แรกเลยไม่มีปัญหาอะไร
คุยกับมิโซโนะ เรออน
พบกับมิโซโนะ เรออนในร้านเครื่องดนตรี พูดคุยเกี่ยวกับกีตาร์ พูดตักเตือนตามฉบับฮารุกะ และออกจากร้านไป
คุยกับมาโตบะ วาตารุ
ชวนไปกินเค้กกับวาตารุที่พบด้วยความบังเอิญ สองคนผู้เป็นน้องชายเหมือนกัน พูดคุยเกี่ยวกับพี่ชาย
กำหนดจัดไลฟ์เดี่ยว
เริ่มจัดไลฟ์เดี่ยวจากคำบอกของชู แม้จะคัดค้านเรื่องความเสี่ยงของสถานที่จัดที่ใหญ่โต แต่ก็ถูกชูยุยงจนต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กำหนดจัดไลฟ์เดี่ยว
เริ่มจัดไลฟ์เดี่ยวจากคำบอกของชู ตื่นเต้นไปพร้อมกับเห็นพ้องเกี่ยวกับการจัดในสถานที่จัดที่ใหญ่โต
กำหนดจัดไลฟ์บนทางเท้า
ชูเสนอให้จัดไลฟ์บนทางเท้ากับคานาตะ เพราะมีความทะนงตัวด้วย จึงยอบตอบข้อเสนอของชูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กำหนดจัดไลฟ์บนทางเท้า
ชูเสนอให้จัดไลฟ์บนทางเท้ากับฮารุกะ ไลฟ์ที่มีเพียงเราสองคน ตั้งหน้าตั้งรอจนทนไม่ไหวอยู่แล้วสิ
ไลฟ์บนทางเท้า วันจริง
จัดไลฟ์บนทางเท้าหน้าสถานีกับคานาตะ หงุดหงิดกับท่าทียียวนของคานาตะ แต่ผู้ชมกลับยินดีชื่นชมกับคานาตะ ไม่ใช่ฮารุกะ
ไลฟ์บนทางเท้า วันจริง
จัดไลฟ์บนทางเท้าหน้าสถานีกับฮารุกะ มีอารมณ์กับฮารุกะที่เริ่มแสดงสีหน้าทุกข์ทรมาน เมื่อตัวเองแสดงให้ผู้ชมคึกครื้นมากเท่าไหร่ ฮารุกะยิ่งทุกข์จากความครื้นเครงนั้นเท่านั้น
เพลงของคานาตะ
คานาตะที่ร้องเพลงโดยก็อปปี้จากเพลงฮารุกะ ไม่ใช่แค่เบส กระทั่งเพลงตัวเองก็โดนแย่งไป ความสิ้นหวังและโกรธเคืองแทบทะลักออกมา
เพลงของฮารุกะ
ร้องเพลงที่ก็อปปี้จากเพลงฮารุกะ ดีใจที่เห็นสีหน้าอ่อนแรงจากความสิ้นหวังและโกรธเคืองที่ตัวเองโดนแย่งเพลงไป
ความวิปริตของคานาตะ
ช็อคกับคานาตะที่แสดงสีหน้าปลื้มปิติหลงใหลจนแทบละลาย แม้ตนจะระเบิดความโกรธใส่ไปก็ตาม
มีความสุขกับสีหน้าของฮารุกะ
ฮารุกะมองตรงมาที่ตัวเอง ความเป็นจริงนั้นและสีหน้าฮารุกะที่แสดงออกมาทำให้ปลื้มปิติหลงใหล สัมผัสถึงความสุขที่ไม่มีอะไรมาแทนได้
สิ่งที่ไม่จำเป็นก็คือตัวเอง
วิสัยทัศน์มืดลงหลังจากโดนบอกว่าสิ่งที่ไม่จำเป็นก็คือตัวเอง เสียงอ่อนโยนอย่างผิดประหลาดของคานาตะสะท้อนก้องอยู่ในโสตสมอง คลื่นไส้จนแทบอาเจียน
สิ่งที่ไม่จำเป็นก็คือฮารุกะ
ฮารุกะที่ช็อคหลังจากโดนบอกว่าตัวเองไม่จำเป็น พึงพอใจกับสีหน้านั้น และตระหนักถึงความรักที่ตัวเองมีให้ฮารุกะอีกครั้ง
อย่ามายุ่งกับฉัน
ชูถามถึงไลฟ์บนถนน อารมณ์ร้อนขึ้น และรีบเข้าห้องราวกับจะหนีจากสถานการณ์นี้
ฮารุกะผู้โดดเดี่ยวและน่าสงสาร
ฮารุกะผู้โดดเดี่ยวและน่าสงสาร รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่เคียงข้างกับฮารุกะที่เป็นเช่นนี้ได้
รับแจ้งถึงหายตัวไปของชู
ถูกถามถึงชูที่หายตัวไป เหนื่อยหน่ายกับเรย์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งLRเฟส ทั้งการทำวงดนตรี
รับแจ้งถึงหายตัวไปของชู
ถูกถามถึงชูที่หายตัวไป ไม่ได้สนใจLRเฟสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รู้สึกจะเป็นตายยังไงก็ได้
การกลับมาของชู
ชูกลับมา ยังดำเนินการจัดไลฟ์ต่อ แม้จะหงุดหงิดกับเรื่องเร่งด่วนแต่ก็เตรียมตัวแสดงต่อไป
การกลับมาของชู
ชูกลับมา เปิดซองขนมของฝาก Ajarimochi ถามถึงเตรียมตัวแสดงต่อไป
ไลฟ์เดี่ยวแห่งโชคชะตา
ไลฟ์เดี่ยว วันจริง แสดงดนตรีด้วยแรงผลักดันหวังมุ่งฆ่าคานาตะตามคำยุของชู สัมผัสรับถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและความสำเร็จที่แน่ชัด
ไลฟ์เดี่ยวแห่งโชคชะตา
ไลฟ์เดี่ยว วันจริง ฟังเสียงดนตรีที่เอาจริงของฮารุกะ ถูกปลุกเร้าอารมณ์ไปพร้อมกระตุ้นจิตใจที่อยากทำร้ายและมอบความเจ็บปวดยิ่งขึ้น
ประกาศผล Starting Live
ผล Starting Live อันดับ 4 แม้จะไม่ให้ค่าเพราะเป็นเพียงการแสดงเรียกน้ำย่อย แต่ยังมีความคับแค้นใจหลงเหลืออยู่
ประกาศผล Starting Live
ผล Starting Live อันดับ 4 ปากพูดว่าเสียดาย แต่ความจริงไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น
Band Story บทที่ 4
พบกับสึบากิ ยามาโตะ
พบกับสึบากิยามาโตะในร้านเครื่องดนตรีร้านประจำ เสียงกีตาร์ที่ไม่ได้เรื่องขัดขวางช่วงเวลาแสนสงบสุขของตัวเอง เลยส่งเสียงทัก
ข้อมูลจากชู
ถามชู ถึงเรื่องที่บอกว่าเห็นฮารุกะกำลังพูดคุยสนุกสนานกับบุคคลหนึ่งในร้านเครื่องดนตรี
ชายผู้โง่เขลา
สอนกีตาร์ให้ยามาโตะ โดนบอกให้ “สนุกกับดนตรีซะ” ทำตัวไม่ถูก และเจ็บปวด
ศัตรูภายนอก
รู้ว่าฮารุกะที่ดูบันทึกไลฟ์กำลังสนใจมือกีตาร์ฟูไร
ถูกถามว่าเป็นคู่แข่งกันรึเปล่า
ถูกถามจากยามาโตะว่าเราเป็นคู่แข่งกันรึเปล่า เหน็ดเหนื่อยกับการถามตอบกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และยิ้มออกมาได้
พบกับสึบากิ ยามาโตะ
ตั้งใจจะสะบั้นความสัมพันธ์ที่มีกับฮารุกะเหมือนที่ผ่านมา แต่ไม่มีผลกับยามาโตะที่มีพื้นที่ส่วนตัวของเขาเลยสักนิดเดียว หงุดหงิด
ยอมรับในฐานะคู่แข่ง
ยามาโตะที่ยอมรับในตัวฮารุกะ โดยไม่หลงไปกับคำพูดของคานาตะและมองมาที่ตัวเองโดยตรง ยอมรับในฐานะ “คู่แข่ง”
ไม่เป็นที่ยอมรับ
ฮารุกะยอมรับยามาโตะเป็น “คู่แข่ง” จิตใจสั่นไหลและตระหนกจากถ้อยคำที่ไม่คิดไม่ฝัน
เถียงกับคานาตะ
หงุดหงิดกับคำพูดของคานาตะที่คิดเล่นๆ กับเบสแสนสำคัญสำหรับฮารุกะ ต่อล้อต่อเถียงกัน
เถียงกับฮารุกะ
หงุดหงิดกับคำพูดของฮารุกะว่า ตัวเองดีแต่เลียนแบบไม่มีหัวคิด ไม่มีตัวตนของตัวเอง ต่อล้อต่อเถียงกัน
Extra บทที่ 3 (ฮารุกะ) Extra บทที่ 4 (คานาตะ)
ไปดูฮีโร่โชว์
ไปดูการแสดงฮีโร่ที่ตั้งตารอคอย ณ ที่แห่งนั้น ก็ได้พบกับพวกเร็น และโดนนายุตะหาเรื่อง
พบกับจุน
ช่วยจุนที่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ต้องสงสัยมีพิรุธ ตอนแรกชวนคุยด้วยความสนอกสนใจ แต่กลับพบว่าน่าเบื่อกว่าที่คิดไว้
พูดคุยเกี่ยวกับโทคุซัตสึ
พูดคุยเรื่องโทคุซัตสึกับเร็ว รู้สึกดีใจ เนื่องจากไม่ค่อยได้คุยเรื่องโทคุซัตสึกับคนอื่นเท่าไหร่
โยนคำถามแสนบริสุทธิ์
ถามจุนเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ตัวเองรู้สึกอย่างบริสุทธิ์ รู้สึกรกหูรกตากับท่าทางอ่อนปวกเปียก จึงพลั้งกลั่นแกล้งไป
ปฏิเสธคำของเร็น
ปฏิเสธคำพูดของเร็นที่บอกว่า ไม่มีเรื่องแพ้ชนะในการเล่นดนตรี อย่างตรงไปตรงมา
-
Band Story บทที่ 5 & Main Story บทที่ 4
แบกความรู้สึกเกลียดชัง
มีความรู้สึกเกลียดชังกับชูและทาดาโอมิที่ยิ้มแย้มสบายอารมณ์
หงุดหงิดน่ารำคาญ
สร้างความหงุดหงิดอย่างรุนแรงกับชูที่บอกตนว่า “ละเมอเพ้อพกในภาพลวงว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของฮารุกะ”
วันจริง 1st Round ไม่สบอารมณ์
ตั้งใจจะแสดงท่าทีสุขุม แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่เพิ่งได้รับก่อนขึ้นไลฟ์ รู้สึกรังเกียจและไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในใจ
วันจริง 1st Round ไม่สบอารมณ์
ตั้งใจจะแสดงท่าทีตามปกติ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่เพิ่งได้รับก่อนขึ้นไลฟ์ รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในใจ
Band Story บทที่ 6 & Main Story บทที่ 5
ก่อนการประกาศผล
โล่งใจที่ไม่ได้เข้าร่วมงานประกาศผล และรอผลลัพธ์อยู่ที่แชร์เฮาส์
ก่อนการประกาศผล
เสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมงานประกาศผล และรอผลลัพธ์อยู่ที่แชร์เฮาส์
ได้รับแจ้งเรื่องยุติการขึ้นแสดง
ได้ยินเรื่องห้ามขึ้นแสดงงานเฟสจากเรย์จิ ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ และโกรธเป็นอย่างมาก
ได้รับแจ้งเรื่องยุติการขึ้นแสดง
ได้ยินเรื่องห้ามขึ้นแสดงงานเฟสจากเรย์จิ รับได้โดยไม่ได้ผูกใจอะไรเป็นพิเศษ
รับเรื่องยุบวง
ได้ยินเรื่องที่จะยุบวงจากคานาตะ สิ้นหวังว่าทำไมชีวิตตัวเองถึงได้ปั่นป่วนขนาดนี้
รับเรื่องยุบวง
ได้ยินเรื่องที่จะยุบวงจากเรย์จิ ตั้งใจจะไปบอกกับฮารุกะที่ขังตัวเองอยู่ในห้องด้วย
พบกับเร็น
พูดคุยกับเร็นที่มาที่แชร์เฮาส์ ได้รับอิทธิพลจากเร็นที่ถาโถม ทำให้รู้ถึงใจจริงของตนที่อยากออกงานเฟส
เห็นเร็นที่สวนทางออกไป
เห็นตัวเร็นระหว่างกลับแชร์เฮาส์ พลางคิดว่าคงไปคุยอะไรกับฮารุกะมา
ฮีโร่
รับแรงกระตุ้นจากถ้อยคำและสายตาที่ตรงไปตรงมาของเร็น ตั้งใจจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่แท้จริงของตนซึ่งเร็นเป็นค้นพบให้
-
หัดมองความเป็นจริงซะ
สิ้นหวังกับคำพูดที่เป็นความจริงของคานาตะ ที่ว่าทำเป็นมองไม่เห็นความรู้สึกที่แท้จริงแสนโสมมของตัวเอง
บอกความเป็นจริงกับฮารุกะ
ทิ่มแทงใจจริงที่แสนโสมมของฮารุกะที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น มองและรู้สึกรักใคร่เอ็นดูฮารุกะผู้สิ้นหวัง
ดนตรีแสนโสมม
รู้สึกตัวแล้วว่าหนทางที่จะชนะคานาตะได้มีแต่ดนตรีเท่านั้น เปลี่ยนท่าทีขึงขังว่าจะงัดสู้แม้จะเป็นดนตรีแสนสกปรกก็ตาม
สภาพผิดแผก
สั่นไหวกับสภาพฮารุกะที่ขึงขังขึ้นมา ไม่สามารถทำความเข้าใจการกระทำหรือความรู้สึกของฮารุกะ จึงได้แต่งงงัน
ไปรับตัวชู
หงุดหงิดเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะกลับไปที่เกียวโต แต่ก็ออกเดินทางไปรับตัวชู
-
มีแต่ดนตรีเท่านั้น
บอกกับชูว่าพวกเรามีแต่ดนตรีเท่านั้น และยื่นมือออกไปว่าจงร้องเพลงเพื่อตัวฉัน(ตัวเอง)ซะ
-
Main Story บทที่ 6-8 (จบ)
รอการมารับ
รู้แผนการของ Argonavis จากเรย์จิ รอการมารับอยู่ที่แชร์เฮาส์
รอการมารับ
รู้แผนการของ Argonavis จากเรย์จิ ไม่คิดอยากจะเข้าร่วมด้วย แต่ก็รอการมารับอยู่ที่แชร์เฮาส์
Live Royal Fes 2nd Round
ขึ้นเวทีรอบ 2nd Round ท้าทายสุดความสามารถที่มีเพื่อเอาชนะในการแข่งขัน
Live Royal Fes 2nd Round
ขึ้นเวทีรอบ 2nd Round คิดจะแสดงด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างจากปกติ แต่ตนยังมีความรู้สึกที่ไม่เข้ากันบางอย่าง
near future
เรียนต่อระยะสั้นที่ต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว เพื่อขัดเกลาทักษะด้านดนตรีของตน ความรู้สึกที่มีต่อคานาตะ ยังคงเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์เลวร้ายเช่นเดิม
near future
เมื่อแยกห่างจากฮารุกะ ทำให้ความตระหนักที่ตัวเองมีต่อดนตรีเปลี่ยนไป ทุ่มเทกับการฝึกซ้อมวงดนตรีมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น